ถามแพทย์

  • หายใจไม่อิ่ม และคัดจมูก เหมือนมีน้ำมูกอัดไว้ ไม่เหนื่อย เป็นมา 1 เดือน เป็นอะไร

  •  Nung Nung Panu
    สมาชิก
    ผมหายใจไม่อิ่ม แล้วก็คัดจมูกบ่อยๆ จมูกหายใจได้ทีละข้างเหมือนมีน้ำมูกอัดไว้อะครับ ต้องใช้ปากช่วยในการทำให้หายใจให้อิ่มครับเป็นมา จะเดือนหนึ่งแล้วครับไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่ไม่หอบไม่เหนื่อยขณะออกกำลังกายนะครับ และขอคำแนะนำไปตรวจสุขภาพด้วยได้ไหมครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Nung Nung Panu,

                      อาการคัดจมูก เหมือนมีน้ำมูกอัดไว้ ทำให้หายใจไม่อิ่ม หากเป็นมานาน 1 เดือนแล้ว อาจเป็น

                      1. ไซนัสอักเสบแบบกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรัง มักจะทำให้มีน้ำมูกสีเขียวหรือสีเหลืองข้น คัดจมูก การรับกลิ่นไม่ดี มีมูกข้นในลำคอหรือมูกไหลลงลำคอ มี ปวดบริเวณไซนัส ได้แก่ โหนกแก้ม หน้าผาก จมูกตรงระหว่างคิ้ว และหัวตา ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น เป็นต้น

                      2. โรคภูมิแพ้ ชนิดแพ้อากาศ (allergic rhinitis) จะมีการอักเสบบริเวณโพรงจมูก จากการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ นอกจากมีอาการมีน้ำมูกและคัดจมูกแล้ว อาจมีอาการคันตา คันจมูก เพดานปาก และลำคอเป็นประจำ จมูกอาจได้กลิ่นลดลง อาการจะเป็นแบบเรื้อรังต่อเนื่อง โดยมีช่วงที่ดีขึ้นสลับกับช่วงอาการกำเริบ

                       ทั้งนี้ สารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นต้นเหตุจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ได้แก่ ขนนก นุ่น ฝ้าย ฝุ่นตามบ้านหรือถนน เชื้อราต่างๆ สัตว์เลี้ยงต่างๆ ทั้ง สุนัข แมว หนู กระต่าย เกสรดอกไม้ ดอกหญ้า ไรฝุ่น แมลงสาบ และแมลงต่างๆ วัสดุเฟอร์นิเจอร์ เช่น ใยมะพร้าว เป็นต้น นอกจากนี้ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้ด้วย  

                         หากอาการเป็นต่อเนื่องนานจะเป็นเดือนแล้ว โดยไม่ได้มีน้ำมูกที่มีลักษณะสีเหลืองขียวข้น ก็น่าจะเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ชนิดแพ้อากาศได้ ซึ่งหากอาการไม่รุนแรง ก็สามารถดูแลตนเองได้ โดยในเบื้องต้น ต้องพยายามหาสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการและหลีกเลี่ยง หากมีน้ำมูกมาก อาจใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หากอาการเป็นต่อเนื่อง ก็อาจทานยาในกลุ่ม antihistamine เช่น cetirizine (เซทิริซีน), loratadine (ลอราทาดีน) เป็นต้น หลีกเลี่ยงการโดนอากาศเย็น ไม่โดนลม ไม่ดื่มน้ำเย็น หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ และที่ที่มีฝุ่นละอองมาก

                        นอกจากนี้ ก็ควรเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เพื่อช่วยลดการกำเริบของอาการ เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะเน้นทานผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงของหวาน อาหารที่มีไขมันสูง และแป้งแปรรูปต่างๆ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น

                        หากอาการไม่ดีขึ้น รุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาค่ะ