ร่างกายบอบซํ้าง่าย อยู่ดีๆ ก็เขียวเหมือนไปโดนอะไรมา ควรรักษาอย่างไร สาเหตุจากอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ 01230123,

                    รอยช้ำ ก็คือแผลฟกช้ำ ถือเป็นแผลชนิดที่ไม่การฉีดขาดหรือแยกตัวของผิวหนัง แต่เกิดการฉีดขาดของหลอดเลือดเล็กๆ ในชั้นเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง หรือในชั้นกล้ามเนื้อก็ได้ ทำให้เกิดมีเลือดออกในชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ และปรากฏเป็นสีแดงขึ้นในช่วงแรก ซึ่งต่อมา สีแดงจะหลายเป็นสีม่วงน้ำเงิน หลังจากนั้น จะกลายเป็นสีม่วงเข้มดำไปนาน 1-5 วัน แล้วจะค่อยๆ กลายเป็นสีเขียวและเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล แล้วจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์

                    สาเหตุของการเกิดแผลฟกช้ำ คือการโดนกระแทกจากอุบัติเหตุหรือกีฬาต่างๆ รวมถึงการเกิดข้อเท้าแพลง กล้ามเนื้อฉีกขาดจากการใช้งานที่รุนแรงและมากไป

                     การเกิดแผลฟกช้ำ ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ แต่หากแผลฟกช้ำไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่หายไปหลังผ่านไป 3 -4 สัปดาห์ หรือมีอาการปวดและบวมมาก หรือเกิดขึ้นหลายๆ ตำแหน่งพร้อมกัน หรือเกิดร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีเลือดออกตามไรฟันบ่อยๆ มีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ ปัสสาวะเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด ก็จะถือเป็นแผลฟกช้ำที่ผิดปกติ และควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เช่น มีเกร็ดเลือดต่ำ โรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติต่างๆ เช่น โรควอนวิลลิแบรนด์ (Von Willebrand Disease) โรคฮีโมฟิเลีย เป็นต้น หรือหากมีการใช้ยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ก็จะเป็นสาเหตุได้

                     สำหรับการดูแลตนเอง เมื่อเกิดรอยช้ำขึ้น คือในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ควรใช้การประคบบริเวณแผลฟกช้ำด้วยความเย็น เพื่อหยุดการไหลของเลือด ไม่ให้เกิดการบวมมาก แต่หากเลย 48 ชั่วโมงไปแล้ว ควรใช้น้ำอุ่นประคบบ่อยๆ เพื่อให้เลือดและน้ำที่เกิดการคั่งไหลเวียนกลับสู่หลอดเลือดเร็วขึ้น และหากมีอาการปวด ก็อาจทานยาแก้ปวดคือ พาราเซตามอล ไม่แนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไดโคลฟีแนค ไอบูโพรเฟน เป็นต้น เพราะอาจมีผลให้เกิดเลือดออกมากขึ้นได้ค่ะ