ถามแพทย์

  • ปวดศีรษะมาเรื้อรัง ปวดข้างเดียว เริ่มมึนๆ เหมือนหนักๆในหัว เคยทำ MRI แล้วปกติ เกิดจากอะไร

  •  Betty Tira
    สมาชิก

    สวัสดีคะ ดิฉันอายุ48 ปีมีอาการปวดหัวมานานเป็นสิบปี แต่มีนาคมปีที่แล้วปวดจี๊ดข้างเดียวด้านขวา หาหมอกินยามาเรื่อยๆแต่ไม่ดีขึ้น หลังจากฉีดวัคซีน อาการปวดหัวมีมากขึ้น รู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆข้างใน หมอสั่งทๅ MRI ผลปกติ ตรวจเลือดไม่มีเบาหวาน หมอบอกว่าปลายประสาทอักเสบ และกินยามาเรื่อยๆ อาการดีขึ้นคะไม่รู้สึกหนักข้างในหัวแต่มีีอาการจี๊ดเป็นพักๆ ความรู้สึกเหมือนเวลาดื่มน้ำเย็นจัดๆแล้วขึ้นสมอง แต่มีอาการปวดมากร่วมด้วย ความดันขึ้นมากเวลาปวด ตอนนี้ย้ายกับไปรักษาที่ภมูมิลำเนา หมออีกท่านว่าเป็นไมเกรนและทานยาไมเกรนอาการดีขึ้นแต่การปวดจี๊ดด้านเดียวยังมีอยู่ บางครั้งจะเป็นทั้ง 2 ข้างคะ

    Betty Tira  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Betty Tira

    อาการปวดศีรษะมาเรื้อรัง ปวดข้างเดียว เริ่มมึนๆ เหมือนหนักๆในหัวนั้น อาจจะเกิดจาก ปวดศีรษะจากการใช้งาน คือปวดกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆศีรษะ สัมพันธ์กับการใช้งานสายตา เป็นเรื้อรังเป็นปีได้ ถ้าได้พักก็จะมีช่วงที่ดีขึ้นได้บ้าง สาเหตุอื่นเช่น ปวดไมเกรน มักปวดข้างเดียว มีคลื่นไส้ ปวดรุนแรงได้ มีสิ่งกระตุ้นได้ ปวดจากปลายเส้นประสาทอักเสบ ซึ่งจะเป็นปวดเป็นลักษณะจี๊ดๆ แสบร้อน อาจปวดเรื้อรังได้ อาจจะปวดเป็นบางส่วนของใบหน้าหรือศีรษะตามแนวเส้นประสาทนั้นๆหรือปวดจากอาการในสมอง เช่นมีเนื้องอกในสมอง มักจะต้องปวดรุนแรง ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดมากตอนเช้าและมีอาเจียนพุ่ง

    จากที่กล่าวมา ถ้าเป็นมาเรื้อรังสิบปี เคยตรวจ MRI มาแล้วปกติ ก็น่าจะสบายใจได้ระดับหนึ่งว่าไม่ใช่ภาวะรุนแรงใดๆในสมอง

    อีกสาเหตุที่พบน้อยแต่นึกถึงได้คือปวดหัวแบบคลัสเตอร์ เป็นภาวะปวดหัวรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยผู้ป่วยจะรู้สึกปวดหัวข้างเดียว หรืออาจปวดบริเวณรอบดวงตา ซึ่งอาจเกิดต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง และอาจเกิดขึ้นหลายครั้งภายในวันเดียว ในขณะที่ปวดหัวอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาแดง น้ำมูกไหล เวียนหัวร่วมด้วย 

    ถ้าอาการเป็นปวดจี๊ดๆนั้น อาจจะนึกถึงเรื่องปลายเส้นประสาทได้มาก และถ้าเป็นจากปลายเส้นประสาทจริง การระวังการกดทับนานๆ ระวังการกระแทกอาจช่วยได้บ้าง ร่วมกับอาจกินยาแก้ปวดปลายประสาทเพื่อบรรเทาอาการภายใต้การดูแลของแพทย์

    สังเกตอาการถ้ามีอาการทางระบบประสาทอื่นๆร่วมด้วยเช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ปวดจนทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้แม้จะกินยาแก้ปวดแล้วก็ไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์