ถามแพทย์

  • ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉินร่วมกับยาคุมปกติ

  •  alphabravo
    สมาชิก
    สวัสดีครับ ผมมีเพศสำพันธุ์กับแฟนในวันที่ 6 มกราคม 2018 ถุงยางฉีกคาดว่าหยั่งใน แฟนผมทานยาคุมฉุกเฉินเป็นปกติอยู่แล้วเป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว แต่ด้วยความที่กังวลจึงซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทานควบคู่ด้วย ตอนนี้วันที่ 11 เป็นเวลา 5 วันแล้วครับ ยังไม่มีเลือดสีนำ้ตาลที่อาจเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉินเลยครับ สอบถามว่าอาจเป็นเพราะสาเหตุใดที่เลือดนำ้ตาลยังไม่มาสักที ประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่ แล้วการทานควบคู่กันแบบนี้มีประสิทธภาพป้องกัน และส่งผลต่อการมาของประตำเดือนขนาดไหนครับ
    alphabravo  alphabravo
    สมาชิก
    แก้ไขนะครับ*** ยาที่ทานมา 2-3 เดือน เป็นยาคุมปกติชนิด 21 วัน ทานยาคุมปกติอย่างถูกต้องทุกวัน ประจำเดือนมาตรงตลอดในวันที่ 20 ครับ
    alphabravo  alphabravo
    สมาชิก

    alphabravo
    Jan 11, 2018 at 07:43 PM

    สวัสดีครับ ผมมีเพศสำพันธุ์กับแฟนในวันที่ 6 มกราคม 2018 ถุงยางฉีกคาดว่าหยั่งใน แฟนผมทานยาคุมปกติชนิด 21 วันอย่างถูกต้องอยู่แล้วเป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว ประจำเดือนมาวันที่ 20 ตรงวันแทบทุกเดือน แต่ด้วยความที่กังวลจึงซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทานควบคู่ด้วย ตอนนี้วันที่ 11 เป็นเวลา 5 วันแล้วครับ ยังไม่มีเลือดสีนำ้ตาลที่อาจเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉินเลยครับ สอบถามว่าอาจเป็นเพราะสาเหตุใดที่เลือดนำ้ตาลยังไม่มาสักที ประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่ แล้วการทานควบคู่กันแบบนี้มีประสิทธภาพป้องกัน และส่งผลต่อการมาของประตำเดือนขนาดไหนครับ

     

    สวัสดีค่ะ คุณ alphabravo

    การที่ฝ่ายหญิงรับประทานยาคุมกำเนิดทั่วไป (Oral contraceptive pills) ยาคุมกำเนิด ซึ่งอยู่ในรูปแบบแผง 21 มาอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 2-3 เดือน ทั้งนี้ถ้ารับประทานอย่างถูกต้อง คือ เริ่มวันเเรกภายในวันที่ 1-5 วันเเรกของประจำเดือนครั้งเเรก เเล้วทาน 21 วัน เว้น 7 วันมาโดยตลอด ทานเวลาค่อนข้างตรงกันเเละไม่มีการลืมรับประทานยา ถือว่าประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะค่อนข้างดีค่ะ  และการที่ใช้ยามาสักระยะนึง ส่วนมากประสิทธิภาพในการยับยั้งการตกไข่จะเริ่มดี รวมไปถึงเยื่อบุโพรงมดลูกจะเริ่มบางตัวมากกว่าปกติอยู่แล้วค่ะ แต่การที่ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยจะถือว่าเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์ให้สูงมากขึ้นค่ะ

    ดังนั้น การที่มีเหตุกาณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น ถุงยางอนามัยแตกหรือรั่ว แล้วได้มีการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน (Emergency contraception)ร่วมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ยาฮอร์โมนในระดับที่สูงกว่าที่ใช้ในยาคุมกำเนิดทั่วไป เพื่อหวังผลป้องกันการตกไข่ และทำให้โพรงมดลูกไม่เหมาะต่อการฝังตัว ดังนั้น ยาย่อมส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งในร่างกายแต่ละรายอาจจะมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน บางคนอาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย บางรายอาจไม่มีเลือดออก บางรายประจำเดือนคลาดเคลื่อนออกไปนานขึ้น 

    จึงกล่าวได้ว่า บางครั้งการสังเกตเลือดออกอาจใช้ไม่ได้ในบางรายค่ะ เเต่การที่ประจำเดือนมาตามรอบ หรือมีเลือดที่ลักษณะเหมือนเดิมคล้ายกับที่ออกมาในเดือนก่อน ถึงจะบอกได้ว่าไม่น่าจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ เเต่ถ้าเลือดไม่มีตามที่ควรจะเป็น อาจต้องลองตรวจปัสสาวะเพื่อการตั้งครรภ์ร่วมด้วยค่ะ