ถามแพทย์

  • ทานยาคุมมา 1 ปี ประจำเดือนมา 23-28 มี.ค. แล้ววันที่ 4 เม.ย. มีเลือดออกมาแต่ไม่เยอะ เพราะอะไร

  • คืออยากถามว่าเดือนนนี้ประจำเดือนมา2 รอบนะค่ะ รอบแรกมา วันที่23-28 มี.ค ละมาอีกที วันที่4เมย.มาแบบไม่เยอะนะค่ะ แบบสีน้ำตาลออกแดงๆ แต่ไม่เยอะนะค่ะ แต่กินยาคุมกำเนิดมา1ปีบะนะค่ะ อายุ22ปี แต่ไม่ได้มีอะไรกับแฟนมานานละนะค่ะ อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ รัชนี บุญทวี,

                      หากกำลังทานยาคุมกำเนิดอยู่ และเลือดที่ออกในวันที่ 23-28 มี.ค. ได้ออกในช่วงวันที่เว้นระยะการทานยาคุม 7 วัน (หรือออกในขณะที่กำลังทานยาคุมที่เป็นเม็ดแป้งอยู่) ก็จะถือว่าเป็นประจำเดือนที่ปกติดี และแสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น 

                      ส่วนเลือดที่ออกอีกครั้งในวันที่ 4 เม.ย. หากมีปริมาณไม่มาก อาจเป็นเลือดที่เกิดจากผลข้างเคียงของยาคุม ที่ทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ โดยเฉพาะหากเป็นยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำและทานไม่ตรงเวลา

                      นอกจากนี้ เลือดที่ออกอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ก็ได้ แต่มักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอีก เช่น 

                       - มดลูกอักเสบ โดยจะมีอาการตกขาวที่ผิดปกติและปวดท้องน้อยร่วมด้วย

                       - เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก แต่จะมีอาการเลือดออกมาอีกเรื่อยๆ ต่อเนื่อง เลือดที่ออกมีปริมาณมาก มีปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ

                        - การใช้ยาฮอร์โมนอื่นๆ ร่วม เช่น ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ 

                       ดังนั้น ในเบื้องต้น ควรพยายามทานยาคุมให้ตรงเวลา หากเลือดที่ออกมีปริมาณไม่มาก ออกเพียงไม่กี่วัน ไม่มีปวดท้องน้อย ไม่มีตกขาวที่ผิดปกติ ก็น่าจะเกิดจากผลข้างเคียงของยาได้ ไมไ่ด้อันตรายอะไร แต่หากเลือดที่ออกมีปริมาณมาก มีปวดท้องน้อยมาก หรือมีตกขาวที่ผิดปกติรวมด้วย ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์ค่ะ