ถามแพทย์

  • ทานยาคุมแล้วไม่ได้เว้น 7 วัน ไม่มีประจำเดือนมา แล้วมีเลือดสีน้ำตาลออกมา เป็นเพราะอะไร

  •  บีม ฮิ
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ👩‍⚕️ คือก่อนหน้านี้ประจำเดือนไม่มาเกือบ2เดือน ตรวจสอบการตั้งครรภ์พบ1ขีด แล้วหนูทานยาคุมแบบ21เม็ด 2แผงติดไม่ได้เว้น(7วัน)แล้วประจำเดือนมา(19 เมษา สีน้ำตาลเข้ม)ก่อนยาคุมจะหมด(9เม็ดสุดท้าย) แล้วไม่ได้หยุดกินยา ประจำเดือนมาครบ5-7วัน อีก2-3วันต่อมาก็มีตกขาวสีน้ำตาล วันต่อมามีประจำเดือนออกมา(สีแดงสดมีเป็นก่อนเล็กน้อย)(ระหว่างที่พักยาคุม7วัน)แล้วรอขึ้นแผงใหม่ค่ะ เป็นเพราะทานยาผิดหรือป่าวคะ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ บีม ฮิ,

                          หากทานยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด แล้วไม่ได้เว้นระยะไป 7 วัน ย่อมทำให้ไม่มีประจำเดือนมาค่ะ

                          ส่วนเลือดสีน้ำตาลเข้มที่ออกมาก่อนที่จะทานยาคุมหมดแผง ไม่ถือเป็นเลือดประจำเดือน แต่ถือเป็นเลือดที่เกิดผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดค่ะ หากเลือดที่ออกมีปริมาณไม่มาก ไม่มีปวดท้องน้อยมาก ก็ไม่ได้อันตรายอะไรค่ะ

                           และต่อมาเมื่อทานยาคุมแผงนี้ครบ 21 เม็ดแล้ว ได้เว้นระยะไป แล้วมีเลือดมีแดงสดออกมา เลือดดังกล่าวถือเป็นประจำเดือน และแสดงว่า ไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ หลังจากนี้ ก็ให้เว้นระยะให้ครบ 7 วัน ก่อนที่จะเริ่มทานยาคุมแผงใหม่ และหลังจากนี้ต่อๆ ไป ก็ให้ทำเช่นเดียวกัน คือเมื่อทานครบ 21 เม็ด ก็ต้องเว้นระยะให้ครบ 7 วันทุกครั้งค่ะ