ถามแพทย์

  • อายุ 14 ปี ท้องผูกบ่อยมาก กินน้ำเยอะ เพิ่มผัก กินโยเกิร์ต กินพรุน แต่ไม่ถ่ายมา 4 วันแล้ว ควรทำอย่างไร

  •  Ningler Tepareenun
    สมาชิก
    หนูอายุ 14 ทองผูกบ่อยมากๆ แต่ทราบว่ากินผักน้อย และกินน้ำน้อย พักหลังจึงปรับปรุง กินน้ำให้เยอะ เพิ่มผัก กินโยเกิร์ต กินพรุน แต่ก็ยังไม่ออก บัดนี้ 4 วันแล้ว ที่ยังไม่ได้ถ่าย ควรทำไงดีคะหมอ

    สวัสดีค่ะ คุณ Ningler Tepareenun,

                       หากไม่ถ่ายอุจจาระนานเกิน 3 วัน หรือถ่ายทุกวัน แต่ลักษณะของอุจจาระแห้ง แข็ง และเป็นก้อนเล็กๆ ร่วมกับมีอาการถ่ายอุจจาระออกได้ยาก ต้องใช้แรงเบ่งมากหรือใช้มือช่วยล้วง ถือว่ามีอาการของท้องผูก ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

                      - มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ จากการที่มีปริมาณอุจจาระน้อย เช่น เกิดจากการกินอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย หรือขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้ลำไส้ไม่บีบเคลื่อนตัว

                     - จากปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ส่งผลให้ลำไส้ลดการบีบตัวลง

                      -  การทานยาบางชนิด ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกได้ เช่น ยาลดกรด ยารักษาอาการซึมเศร้า ยากันชัก แคลเซียมและธาตุเหล็ก ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ เป็นต้น

                    - การเสียสมดุลของฮอร์โมน เช่น ตั้งครรภ์ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ เป็นต้น

                     - มีการอุดตันภายในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก เช่น มีเนื้องอกหรือมะเร็งของลำไส้ใหญ่ แต่มักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือดปน ถ่ายเป็นเลือด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น หรืออาจเกิดจากเนื้องอกมดลูกที่มีขนาดใหญ่จนกดเบียดลำไส้ตรงและทวารหนัก เป็นต้น

                    การดูแลตนเองในเบื้องต้น ได้แก่ การดื่มน้ำเปล่ามากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เน้นทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง จำพวกผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ เป็นต้น ลดปริมาณการทานเนื้อสัตว์ การทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวอาจช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้นได้ เนื่องจากมีแบคทีเรียที่ไปช่วยการทำงานของลำไส้ใหญ่ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ลำไส้เคลื่อนไหว และควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา

                     แต่หากไม่ถ่ายอุจจาระนาน 3 วันแล้ว ก็หายาระบายช่วย  ซึ่งอาจเริ่มต้นด้วยการทานไฟเบอร์ ที่จะไปทำให้อุจจาระเกาะตัวเป็นก้อน เมื่ออุจจาระมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้เคลื่อนไหวมากขึ้น เช่น ไซเลียม (psyllium) เมธิลเซลูโลส (methylcellulose) อินนูลิน (inulin) เป็นต้น ในการทานใยอาหารหรือไฟเบอร์เหล่านี้ จำเป็นต้องดื่มน้ำมากๆ ร่วมด้วย หากดื่มน้ำไม่มากพอ ไฟเบอร์อาจอุดตันลำไส้ ซึ่งกลายเป็นอันตรายได้

                      แต่หากทานไฟเบอร์แล้วยังคงมีอาการถ่ายอุจจาระไม่ออก แนะนำให้ใช้ยากลุ่มอื่นๆ ต่อไป คือ

                       - ยาระบายกลุ่มกระตุ้น จะช่วยกระตุ้นจังหวะการบีบตัวของลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น เช่น ยาดัลโคแลค (Dulcolax) ยาบิซาโคดิล (Bisacodyl) ยาเซนโนไซด์ (Sennosides)

                       - ยาระบายกลุ่มออสโมซิส จะออกฤทธิ์ดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่ลำไส้ใหญ่มากขึ้น ทำให้อุจจาระไม่แห้งและแข็งจนถ่ายออกลำบาก เช่น ยาแมกนิเซียม ไฮดรอกไซด์ (Magnesium Hydroxide)  ยาแลคตูโลส (Lactulose) 

                         นอกจากนี้อาจใช้ยาชนิดยาเหน็บ ซึ่งหากเป็นยาเหน็บกลีเซอรีน ยาจะช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มลงและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้

                        แต่หากได้ทานยาแล้ว ยังคงถ่ายอุจจาระไม่ออก หรือถ่ายออก แต่ยังคงมีอาการท้องผูกบ่อยๆ ก็ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของท้องผูกและทำการรักษาค่ะ