หมอวินิจฉัยว่าเป็นเปลือกตาอักเสบ ได้รับยามาทาน แต่อาการแย่กว่าเดิม มีอาการแสบตา และมีขี้ตา ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Suniti,

                   อาการแสบตา มีขึ้ตามาก อาจเกิดจาก

               1. เยื่อบุตาอักเสบ อาการคือเยื่อบุตาบวมแดง เปลือกตาบวม คันตา เจ็บตา เคืองตา แสบตา มีขี้ตามาก ตาสู้แสงไม่ได้ โดยอาจเกิดจาก

                   - การติดเชื้อไวรัส มักมีอาการของไข้หวัดร่วมด้วย เช่น มีน้ำมูก คัดจมูก ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ เป็นต้น

                   - การติดเชื้อแบคทีเรีย มักไม่มีอาการของไข้หวัดร่วมด้วย

                    - การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เชื้อรา ขนสัตว์ อาหารทะเล เป็นต้น อาจพบอาการน้ำมูกไหลร่วมด้วยได้ มักมีอาการคันตาเป็นอาการเด่น และอาจมีเคืองตาหรือแสบตา ตาแดงเล็กน้อยได้

                2.เปลือกตาอักเสบ (Blephalitis) เป็นการอักเสบของผิวหนังบริเวณหนังตา ส่วนใหญ่จะเป็นพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง แต่ข้างใดข้างหนึ่งอาจมีอาการรุนแรงกว่า อาการ ได้แก่ เจ็บที่เปลือกตา เปลือกตาบวม แสบตา เคืองตา ตาแดง ตาแฉะ มีขี้ตามาก โดยอาการมักเป็นมากในตอนเช้า มีสะเก็ดเล็กๆ คล้ายรังแคขนตา ขนตาร่วงง่าย โดยส่วนใหญ่มักไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ

               3. ตากุ้งยิง คือ การอักเสบบริเวณขอบเปลือกตา ทำให้เห็นเป็นตุ่มนูนบวมเล็กๆ คล้ายสิว หรือเป็นหัวหนอง อาจเกิดขึ้นที่เปลือกตาด้านนอกหรือด้านใน  อาการนอกจากเห็นตุ่มนูนแล้ว จะมีอาการปวดและเจ็บ เปลือกตาบวมแดง เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล มีขี้ตามาก

                ทั้งนี้ หากได้ไปพบแพทย์มาแล้ว และได้รับยาปฏิชีวนะ อะมอกซีซิลิน มาทาน แสดงว่าแพทย์น่าจะนึกถึงสาเหตุจากเยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียค่ะ ดังนั้น แนะนำควรทานยาต่อเนื่องไปก่อน ส่วนการที่มีอาการแสบตามากขึ้น แนะนำควรดูแลตนเองไปก่อน ได้แก่ การงดการใช้สายตามากเกินไป ไม่จ้องโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ งดการมองแสงจ้า ควรใส่แว่นตากันแดดเมื่อต้องออกแดดหรืออยู่ในที่สว่างมากไป ไม่ขยี้ตา ไม่ใส่คอนแทคเลนส์และการใช้เครื่องสำอางรอบดวงตา และหากเ็นที่ตาข้างเดียว แนะนำควรปิดตาไว้ สำหรับขี้ยา ควรใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดออกบ่อยๆ ไม่ให้แห้งกรัง เป็นต้น หากทานยาต่อเนื่องซัก 5- 7 วันแล้ว อาการไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบกลับไปแพทย์เพื่อรักษาเพิ่มเติมค่ะ