ถามแพทย์

  • อายุ 17 ปี คันบริเวณช่องคลอด เกาจนบวม เป็นมา 2 สัปดาห์ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ทำอย่างไรให้หาย

  •  Samsiyah Soh
    สมาชิก
    สดีค่ะหนูอายุ17ค่ะ หนูมีอาการคันบริเวณช่องคลอดมากคันนตลอดหลังจากปัสสาวะเสร็จนั่งเฉยๆก้คันค่ะหนูเกาจนบวมหมดแล้วว เปนมาสองอาทิตกว่าแล้วยังม่หายรอบช่องคลอดมันเป็นออกขาวๆเหมือนเชื้อราเลยอ่ะค่ะหนูไม่เคยมีเพศสัมพันค่ะอยากทราบว่ามีวิธีไหนบ้างค่ะที่ให้อาการเหล่านี้มันหายค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Samsiyah Soh,

                       อาการคันบริเวณช่องคลอด อาจเกิดจาก

                      1. การติดเชื้อรา นอกจากมีอาการคันเป็นหลักแล้ว อาจมีอาการเจ็บแสบได้ และผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศภายนอกอาจเกิดเป็นผื่นสีแดง ผิวหนังบวม และหากมีการติดเชื้อในช่องคลอดร่วมด้วยก็จะมีตกขาวที่ผิดปกติ คือตกขาวมีปริมาณมาก มีสีขาวขุ่นจับตัวเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก หรือนมบูด

                        ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ การใส่กางเกงคับมากและอยู่ในที่อากาศร้อนชื้น เป็นคนอ้วน มีเหงื่อออกมาก การสวนล้างช่องคลอดมากไป เป็นโรคเบาหวาน ใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องนาน ทานยากดภูมิคุ้มกัน หรือมีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงกำลังตั้งครรภ์อยู่ เป็นต้น การติดเชื้อราในช่องคลอด ไม่ได้ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่หากคู่นอนมีการติดเชื้อราอยู่ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ติดได้

                       2. การแพ้สัมผัส เช่น อาจแพ้ผงซักฟอก  หรือน้ำยาที่ใช้ซักกางเกงใน แพ้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แพ้ผ้าอนามัย แพ้แป้งที่นำมาทาบริเวณอวัยวะเพศภายนอก เป็นต้น มักพบผื่นแดงที่ผิวหนังร่วมด้วย

                      3. เป็นโลนที่ขนอวัยวะเพศ หรือเหาที่ขนอวัยวะเพศ  ซึ่งจะติดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน หรืออาจติดมากับการใช้ห้องส้วมก็ได้ อาการคือจะคันมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

                      ในเบื้องต้น ให้พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจแพ้ต่างๆ และหลีกเลี่ยงการเกา หากมีตกขาวที่มีลักษณะของการติดเชื้อราร่วมด้วย อาจพิจารณาใช้ยารักษาซึ่งมีทั้งยาแบบสอดและยาทาน เช่น ยา clotrimazole และหากมีอาการคันอวัยวะเพศภายนอกร่วมด้วย ควรใช้ยาที่เป็นชนิดทารักษาด้วย และหากคันมาก อาจทานยาแก้แพ้แก้คันร่วมด้วย เช่น ไฮดรอกไซซีน (hydroxyzine) chlorpheniramine (CPM) เป็นต้น

                        นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดที่บ่อยไป ไม่ใช้น้ำยาที่มีความรุนแรง การใส่กางเกงชั้นในและกางเกงที่พอดี ไม่คับแน่นจนเกินไป กางเกงและกางเกงในควรเป็นผ้าที่ระบายอากาศได้ดี การเช็ดอวัยวะเพศและก้นให้แห้งสนิทหลังจากถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ เป็นต้น

                         แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ