กลืนน้ำลายลำบาก เหมือนมีเสมหะ น้ำลายเหนียว แต่ไม่มีอาการติดคอหรือสำลัก เคยมีอาการเรอเป็นกลิ่นน้ำย่อย เป็นโรคอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ Bosss,

                  อาการกลืนลำบาก เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ อาจเกิดจาก

              1. โรคกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากการที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงบริเวณลำคอ ทำให้เกิดการระคายเคืองคอ หรือคล้ายมีอะไรจุกอยู่ที่คอ และรู้สึกกลืนลำบากได้ แต่มักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แสบร้อนจากช่วงอกไปจนถึงลิ้นปี่ เจ็บหน้าอก มีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมไหลย้อนขึ้นมาในปากและคอ มีอาการเจ็บคอ ระคายเคืองคอ มีเสมหะในคอ มีอาการจุกเสียดแน่นลิ้นปี่ เรอบ่อย เป็นต้น

               2. มีการอุดตันของหลอดอาหาร ซึ่งสาเหตุ ได้แก่ การกดทับจากภายนอก เช่น ต่อมไทรอยด์โต ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโต ก้อนเนื้องอกและมะเร็งในปอด หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง เป็นต้น หรือมีการโป่งพองของหลอดอาหารออกเป็นกระเปาะ (Zenker's diverticulum) หรือเกิดการตีบแคบจากการที่เคยฉายรังสีรักษา ผ่าตัด หรือกลืนสารพิษเข้าไป หรือเป็นมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งคอหอย เป็นต้น

               3. มีโรคที่มีการบีบตัวที่ผิดปกติของหลอดอาหาร เช่น โรคหนังแข็ง (scleroderma) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis) โรคของกล้ามเนื้อเรียบหลอดอาหารบีบตัวผิดปกติ (achalasia) โรคของก้านสมองและไขสันหลัง โรค amyloidosis เส้นประสาทถูกทำลายจากเบาหวาน เป็นต้น

               4. การมีน้ำลายน้อย ก็อาจทำให้เกิดอาการกลืนลำบากได้ แต่ก็จะมีอาการอื่นๆ ร่วมอีก เช่น ปากแห้ง ลิ้นแห้ง คอแห้ง การรับรสต่างๆ ลดลง มีกลิ่นปาก ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นต้น ซึ่งสาเหตุของการมีน้ำลายน้อย ได้แก่ ต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรังจากโรคภูมิแพ้ตนเองบางอย่าง เช่น Sjogren's syndrome  ผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก การเคยฉายรังสีรักษาบริเวณศีรษะและลำคอ และยาเคมีบำบัดบางชนิด การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ 

                หากยังคงอาการกลืนลำบากยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ ทั้งนี้ หากมีอาการเรอมีกลิ่นน้ำย่อย ก็อาจเป็นกรดไหลย้อนได้ดังนั้น ก็ควรดูแลตนเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย รสไม่จัด ไม่เผ็ด ไม่ทานปริมาณที่มากไป  ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และน้ำอัดลมอัดแก๊สต่างๆ เป็นต้น ไม่ทานของมันๆ เช่น อาหารทอด อาหารผัด ไม่ทานเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ หลังทานอาหารต้องห้ามนอนทันที ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง เป็นต้น