แอปเปิ้ลกับ 5 ประโยชน์ต่อสุขภาพและเคล็ดลับในการรับประทาน

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้อีกชนิดที่ผู้คนนิยมรับประทาน เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น ใยอาหารที่สามารถบรรเทาอาการท้องผูก รวมถึงวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ 

แอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผลหรือประมาณ 182 กรัมให้พลังงาน 95 แคลอรี่ และยังให้คาร์โบไฮเดรต 25 กรัม น้ำตาล 19 กรัม และใยอาหารอีก 4 กรัมด้วย แอปเปิ้ลประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น วิตามินซี และสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างเควอซิทิน (Quercetin) คาเทชิน (Catechins) และกรดคลอโรเจนิก (Chlorogenic acid)

5 ประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพของแอปเปิ้ล

การรับประทานแอปเปิ้ลมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ดังนี้

1. ต้านอนุมูลอิสระ

แอปเปิ้ลมีสารโพลีฟีนอลและสารฟลาโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะบริเวณเปลือกของแอปเปิ้ล ดังนั้น การรับประทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือกจึงอาจช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย ช่วยยับยั้งเซลล์ภายในร่างกายไม่ให้เกิดการอักเสบเสียหายจากฤทธิ์ของสารอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรครุนแรงเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง ได้ด้วย

2. ช่วยป้องกันอาการท้องผูก

ใยอาหารชนิดหนึ่งในแอปเปิ้ลที่ชื่อว่าเพคตินเป็นใยอาหารที่มีส่วนสำคัญต่อกระบวนการย่อยอาหาร โดยจะช่วยดูดซับน้ำในระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้นและสามารถขับถ่ายได้ง่าย อีกทั้ง เพคตินยังมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกที่ช่วยให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้เจริญเติบโตได้ดี การรับประทานแอปเปิ้ลจึงสามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูงและมีปริมาณน้ำตาลต่ำ การรับประทานแอปเปิ้ลจึงอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้เพิ่มขึ้นสูงหลังจากรับประทาน ต่างจากผลไม้ที่มีน้ำตาลในปริมารมากชนิดอื่น ๆ เช่น มะม่วงสุก ลำไย หรือทุเรียน นอกจากนี้ การรับประทานแอปเปิ้ลเป็นประจำทุกวันยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ด้วย

4. อาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ แต่มีใยอาหารและน้ำในปริมาณมาก จึงสามารถรับประทานโดยไม่ต้องกังวล ซึ่งใยอาหารในปริมาณมากของแอปเปิ้ลจะช่วยให้รู้สึกอยู่ท้อง อิ่มได้นานขึ้น และไม่รู้สึกหิวบ่อย และหากเลือกรับประทานแอปเปิ้ลระหว่างมื้ออาหาร ก็อาจช่วยลดการรับประทานขนมจุกจิกหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมากลงไปได้ด้วย 

5. อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

สารฟลาโวนอยด์ที่ชื่อว่าเควอซิทินในแอปเปิ้ลมีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างการทำงานของหลอดเลือด อีกทั้งงานวิจัยในหลอดทดลองชิ้นหนึ่งยังพบว่าสารฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านกระบวนการที่ก่อให้เกิดการบีบตัวของหลอดเลือด จึงอาจช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้

นอกจากนี้ ใยอาหารที่พบในแอปเปิ้ลยังอาจมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงสุขภาพของหลอดเลือดและหัวใจให้ดีมากยิ่งขึ้น การรับประทานแอปเปิ้ลจึงอาจช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากภาวะความดันโลหิตสูงและการทำงานที่ผิดปกติอื่น ๆ ของหัวใจและหลอดเลือดได้นั่นเอง 

เคล็ดลับในการรับประทานแอปเปิ้ลให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยก่อนการรับประทานควรศึกษาเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อให้สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยและส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น 

  • ควรเลือกรับประทานแอปเปิ้ลทั้งผลพร้อมเปลือกมากกว่าแอปเปิ้ลที่ปอกเปลือกแล้วหรือน้ำแอปเปิ้ลที่ผ่านการคั้นเอากากใยออก เพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารและสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์อย่างเต็มที่
  • ควรล้างแอปเปิ้ลให้สะอาดก่อนการรับประทาน เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างที่อยู่บนผิวของแอปเปิ้ล
  • ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเม็ดแอปเปิ้ล เนื่องจากในเมล็ดแอปเปิ้ลมีสารไซยาไนด์ที่มีพิษ หากรับประทานในปริมาณมากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
  • ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารบางอย่างควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานแอปเปิ้ล เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพ้อัลมอนด์ สตรอว์เบอร์รี่ ลูกพลัม ลูกพีช ลูกแพร์ หรือแอปริคอต
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรสังเกตระดับน้ำตาลในเลือดของตัวเองหลังจากรับประทนแอปเปิ้ลหรือน้ำแอปเปิ้ล รวมถึงจำกัดปริมาณการรับประทานให้เหมาะสม เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้

เมื่อได้ทราบประโยชน์ของแอปเปิ้ลแล้ว ผู้อ่านหลายคนก็คงจะเพิ่มแอปเปิ้ลเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำรุงสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานแอปเปิ้ลอย่างเหมาะสมตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ ควบคู่ไปกับการรับประทานผลไม้ชนิดอื่น และควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนด้วย