เมนูไมโครเวฟ เสิร์ฟร้อน กินง่าย อันตรายจริงหรือ ?

เมนูไมโครเวฟ อาจเป็นเมนูอาหารที่ปรุงง่าย ทำง่าย สะดวก และช่วยประหยัดเวลาได้มาก แต่ใครหลายคนอาจยังกังวลใจถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการใช้ไมโครเวฟปรุงหรืออุ่นอาหาร เช่น รังสีที่ตกค้าง หรือสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหารและอาจนำไปสู่โรคร้ายอย่างมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบัน มีงานค้นคว้าและข้อมูลจากการศึกษาบางส่วนสรุปถึงด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับเมนูไมโครเวฟไว้ ดังนี้

1600 Resized เมนูไมโครเวฟ

เมนูไมโครเวฟ กับคุณค่าทางสารอาหาร

หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่า การใช้ไมโครเวฟจะทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การปรุงหรืออุ่นอาหารด้วยทุกกรรมวิธีที่ใช้ความร้อนอาจล้วนทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีคุณค่าไปได้ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ความร้อนจากไมโครเวฟอาจช่วยคงปริมาณสารอาหารที่มีประโยชน์ไว้ได้มากกว่าการปรุงหรืออุ่นอาหารในรูปแบบอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การอบ การต้ม หรือการทอด เป็นต้น เนื่องจากไมโครเวฟใช้ความร้อนในระยะเวลาสั้น ๆ อันเป็นผลให้สารอาหารถูกทำลายได้น้อยกว่า และหากนำถ้วยน้ำเปล่าใส่เข้าไปในไมโครเวฟขณะอุ่นหรือปรุงอาหาร ก็อาจเป็นการประยุกต์ให้คล้ายกับวิธีนึ่งอาหารที่ช่วยให้คงคุณค่าสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ไว้ได้มากกว่าเดิม โดยมีการศึกษาพบว่าการนึ่งบร็อคโคลี่ช่วยคงสารอาหารอย่างกลูโคไซโนเลท (Glucosinolate) ไว้ได้มากกว่าการนำบร็อคโคลี่ไปต้มหรือผัด

เมนูไมโครเวฟก่อมะเร็งได้จริงหรือ ?

ในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใด ๆ ยืนยันชัดเจนได้ว่าเมนูไมโครเวฟจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ แต่ผู้บริโภคก็ควรระมัดระวังอันตรายจากเมนูไมโครเวฟในด้านอื่น ๆ อย่างการใช้ความร้อนหรือภาชนะที่ใช้อุ่นในไมโครเวฟ โดยเฉพาะภาชนะที่ทำจากพลาสติก เนื่องจากมีงานวิจัยที่ทดลองใช้ภาชนะพลาสติกหลากชนิดจำนวน 455 ชิ้นกับไมโครเวฟ พบว่าผลิตภัณฑ์เกือบทุกชิ้นที่นำมาทดลองล้วนปล่อยสารเคมีอันตรายออกมาซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานและโรคมะเร็ง ด้วยเหตุนี้ เพื่อความปลอดภัยจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติก และเลือกภาชนะที่เหมาะสมปลอดภัยกับความร้อนของไมโครเวฟอย่างเซรามิค

รังสีที่ใช้กับเมนูไมโครเวฟอันตรายจริงหรือ ?

เนื่องจากเมนูไมโครเวฟใช้รังสีไมโครเวฟในการสร้างความร้อน หลายคนจึงกังวลว่ารังสีดังกล่าวอาจตกค้างในอาหารจนเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

ในความเป็นจริง รังสีไมโครเวฟที่ใช้กับอาหารนั้นไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะไมโครเวฟทำงานโดยการปล่อยรังสีเป็นคลื่นพุ่งไปกระทบอาหาร ทำให้โมเลกุลน้ำทั้งภายในและนอกอาหารสั่นและเสียดสีกันจนเกิดเป็นความร้อนก่อนพลังงานดังกล่าวจะสลายตัวไป จึงอาจทำให้สังเกตได้ว่าอาหารที่มีน้ำมากจะปรุงสุกหรืออุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟได้รวดเร็วกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงอาจมั่นใจได้ว่าเมนูไมโครเวฟจะไม่มีรังสีใด ๆ ตกค้างหรือปนเปื้อนอยู่ในอาหาร

อย่างไรก็ตาม การปรุงหรืออุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟก็มีข้อควรระวังอยู่บ้าง โดยผู้บริโภคควรปรับตั้งค่าความร้อนพร้อมทั้งตั้งเวลาการทำงานของไมโครเวฟให้เหมาะสมกับอาหาร และหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะที่อาจปล่อยสารอันตรายได้เมื่อเจอความร้อนอย่างพลาสติก เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพและอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้