เซลลูไลท์ เข้าใจสาเหตุและแนวทางการรักษา

เซลลูไลท์ (Cellulite) คือไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังทำให้ผิวมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม ขรุขระหรือเกิดรอยย่น มักเกิดขึ้นที่ต้นขา สะโพก ก้นและท้อง และสามารถเกิดบริเวณหน้าอก ท้องน้อย และต้นแขน ได้เช่นกัน

โดยส่วนมากเซลลูไลท์มักเกิดในวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่เพศหญิง หลายคนเข้าใจว่าเซลลูไลท์จะเกิดขึ้นกับคนที่มีน้ำหนักตัวมากเท่านั้น แต่คนผอมที่มีน้ำหนักตัวน้อยก็สามารถมีได้เช่นกัน และแม้ว่าเซลลูไลท์จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่หลายคนอาจต้องการกำจัดเซลลูไลท์เพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีของตนเอง ซึ่งสามารถปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือศัลยแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขปัญหานี้ได้

เซลลูไลท์

สาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ 

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากการสะสมของไขมันที่มากเกินไปใต้ชั้นผิวหนังตื้น ๆ ในบริเวณที่เลือดไหลเวียนไม่ดี จนทำให้ผนังชั้นหุ้มเซลล์เกิดผิวที่ขรุขระแตกลาย ดูไม่สวยงาม คล้ายกับผิวเปลือกส้ม ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ส่งผลค่อนข้างมาก คือ กรรมพันธุ์ ซึ่งหากมีสมาชิกในครอบครัวมีเซลลูไลท์ สามารถทำให้มีโอกาสเกิดเซลลูไลท์ได้เช่นกัน 

โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์มากหรือน้อยอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ดังต่อไปนี้

  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงหรือการอดอาหารอย่างหนักเพื่อให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
  • ระบบการเผาผลาญในร่างกายช้า
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • ภาวะขาดน้ำ
  • อัตราส่วนของไขมันในร่างกาย

การรักษาเซลลูไลท์

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่จะทำให้เซลลูไลท์หายไปได้อย่างสิ้นเชิง แต่สามารถทำให้ผิวบริเวณที่เกิดเซลลูไลท์ดูดีขึ้นหรือช่วยทำให้เซลลูไลท์หายไปได้ชั่วคราว โดยวิธีรักษาเซลลูไลท์ มีดังต่อไปนี้

การลดน้ำหนัก 

หากมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน การออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารสุขภาพเพื่อลดน้ำหนักจะช่วยทำให้ลักษณะของผิวที่ขรุขระหรือแตกลายดูดีขึ้น แต่การลดน้ำหนักตัวไม่ได้ช่วยทำให้เซลลูไลท์หายไปจนหมดอย่างถาวร แต่ทำให้ผิวดูดีหรือกระชับขึ้นได้ สามารถออกกำลังกายได้ทั้งแบบแอโรบิค และฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

การใช้ครีมลดเซลลูไลท์

โดยส่วนใหญ่ครีมเหล่านี้อ้างว่าช่วยละลายไขมันละทำให้ผิวดูเรียบขึ้น แต่ครีมสำหรับลดเซลลูไลท์จำนวนมากมีส่วนผสมของยาอะมิโนฟิลลีน (Aminophylline) ซึ่งเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคหอบหืด ยังไม่มีหลักฐานว่าครีมเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านเซลลูไลท์และยังเป็นอันตรายกับผู้ใช้บางรายอีกด้วย 

ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจเป็นเพราะการบีบหรือหดตัวของหลอดเลือดและการทำให้น้ำออกจากผิว ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับผู้ที่มีปัญหาระบบไหลเวียนโลหิต และอะมิโนฟิลลีนยังสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางราย

การใช้เลเซอร์และระบบความถี่คลื่นวิทยุ (Lasers & Radiofrequency Systems) 

การใช้อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานเลเซอร์ในการกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการละลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง โดยทำลายเแผงเนื้อเยื้อในชั้นใต้ผิวหนังและไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเทคโนโลยีการใช้คลื่นความถี่วิทยุและแสงอินฟาเรด จะช่วยลดไขมันและสลายเซลลูไลท์ได้โดยอาศัยอุปกรณ์ยิงแสงไปยังชั้นไขมันเพื่อสลายพังผืดที่กั้นชั้นไขมันและสลายเซลล์ไขมัน

การดูดไขมัน (Liposuction) 

ศัลยแพทย์จะใช้อุปกรณ์ลักษณะเป็นท่อโลหะขนาดเล็กเป็นเส้นแทรกเข้าไปในชั้นไขมันแล้วทำให้เซลล์ไขมันแตกออกและดูดเอาเซลล์ไขมันออกมา อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันสามารถทำให้สัดส่วนของร่างกายเข้ารูปขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้เป็นการกำจัดเซลลูไลท์ออกไปและอาจทำให้ลักษณะของเซลลูไลท์ดูแย่ลงด้วย

ซึ่งปัจจุบันได้มีการใช้เลเซอร์ช่วยดูดไขมัน สลายไขมันและกระชับผิวไปพร้อมกัน ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพขึ้นในการจัดการกับเซลลูไลท์ แต่วิธีนี้ยังต้องการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวิธีการข้างต้นมีแนวโน้มที่ดีที่จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการช่วยขจัดเซลลูไลท์ในอนาคต แต่ในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน วิธีที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกายและการลดน้ำหนัก 

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างยอมรับว่าการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการช่วยปัญหาเซลลูไลท์ คือการออกกำลังกายแบบแอโรบิกและการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ พร้อมกับการรับประทานผักและผลไม้หรือไฟเบอร์