ออกกำลังกาย หนึ่งในวิธีกระตุ้นผิวให้สวยใส

หลายคนคงทราบดีว่า การออกกำลังกายทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้อารมณ์ดีหรือรู้สึกกระปรี้กระเปร่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การออกกำลังกายก็ส่งผลดีต่อสุขภาพผิวได้เช่นกัน ประโยชน์ที่ว่านั้นเป็นอย่างไร หาคำตอบได้จากบทความนี้

2025 ออกกำลังกาย rs

ออกกำลังกายให้ประโยชน์แก่ผิวพรรณอย่างไร ?  

มีการศึกษาวิจัยที่ชี้ถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายที่มีต่อสุขภาพผิวไว้ ดังนี้

  • การออกกำลังกายช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ โดยนักวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำและมีอายุ 40 ปี ขึ้นไป มีผิวที่ยืดหยุ่นคล้ายกับผิวของคนที่อยู่ในวัยประมาณ 20 ปี และ 30 ปี ซึ่งคาดว่าการออกกำลังกายอาจช่วยเสริมสร้างสารเคมีภายในร่างกายที่ช่วยชะลอความชราของผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป
  • การออกกำลังกายช่วยให้ผิวกระจ่างใส โดยการออกกำลังกายแบบแอโรบิคทำให้หัวใจสูบฉีดเลือด และช่วยให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวดูกระจ่างใสอย่างมากหลังการออกกำลังกาย
  • การออกกำลังกายอาจช่วยให้ริ้วรอยลดลงได้ เพราะการออกกำลังกายช่วยควบคุมปริมาณฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลในร่างกาย ซึ่งหากมีฮอร์โมนชนิดนี้ในร่างกายมากเกินไปก็อาจทำให้คอลลาเจนในผิวหนังถูกทำลายได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายอาจช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้ผิวหนังกระชับและยืดหยุ่นด้วย
  • การออกกำลังกายช่วยลดสิว โดยการออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในผิวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้ร่างกายขับสารพิษและสิ่งอุดตันในรูขุมขนใต้ผิวหนังออกมา ทั้งนี้ การออกกำลังกายยังช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดสิวให้อยู่ในระดับปกติอีกด้วย
  • การออกกำลังกายแบบพอเหมาะเป็นประจำอาจช่วยให้ร่างกายผลิตสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติได้ ซึ่งสารนี้อาจช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย
  • การออกกำลังกายช่วยให้เส้นผมและหนังศีรษะมีสุขภาพดียิ่งขึ้น โดยการออกกำลังกายช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งสารอาหารที่อยู่ในเลือดจะกระตุ้นรูขุมขนบนหนังศีรษะและช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายอาจช่วยคลายความเครียดได้ดี ซึ่งหากมีความเครียดลดลง อาจช่วยให้เส้นผมแห้งหรือหลุดร่วงน้อยลงด้วย

ออกกำลังกายอย่างไรให้มีผิวพรรณและสุขภาพที่ดี ?

เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพผิวพรรณและร่างกายโดยรวม คนทั่วไปควรออกกำลังกายแบบความหนักปานกลางเป็นเวลา 150 นาที/สัปดาห์ โดยอาจวิ่งเร็วพอประมาณหรือเต้นรำก็ได้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้มีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก และทำให้รู้สึกเหนื่อย แต่ยังคงพูดเป็นประโยคสั้น ๆ ได้ หรือออกกำลังกายแบบหนักมาก ซึ่งเป็นการทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงเพิ่มขึ้น โดยออกกำลังกายเป็นเวลา 75 นาที/สัปดาห์ ด้วยกิจกรรม เช่น ปีนเขา เล่นฟุตบอล เล่นวอลเลย์บอล เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะทำให้มีอัตราการเต้นของหัวใจสูง หายใจเร็วขึ้น พูดเป็นคำ ๆ ได้ แต่พูดเป็นประโยคไม่ได้ นอกจากนี้ อาจลองออกกำลังกายแบบผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายแบบความหนักปานกลางกับแบบหนักมาก โดยอาจเดินเร็ว วิ่ง หรือว่ายน้ำ ร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์  

อย่างไรก็ตาม ก่อนออกกำลังกายควรไปปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสุขภาพของตนเองด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังอย่างโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ภาวะข้ออักเสบ หรือหากมีความกังวลใด ๆ เพื่อให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิผลสูงสุด

การดูแลผิวเมื่อออกกำลังกาย

แม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นประโยชน์ต่อผิว แต่ก็ควรเตรียมความพร้อมหรือป้องกันปัญหาผิวและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ในขณะที่ออกกำลังกายด้วย โดยอาจทำได้ ดังนี้

  • ก่อนออกกำลังกาย ควรล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าออกด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน รวมทั้งใส่ชุดออกกำลังกายที่สะอาด และหากต้องออกกำลังกายกลางแจ้งก็ควรทาครีมกันแดดชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน มีคุณสมบัติกันน้ำได้ และมีค่าป้องกันแสงแดดที่ SPF 30 ขึ้นไป เพื่อช่วยป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี
  • ระหว่างออกกำลังกาย ควรเช็ดหน้าด้วยผ้าที่สะอาด โดยซับผ้าที่หน้าเบา ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์กีฬาร่วมกับผู้อื่น เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจมีความมันหรือเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดสิวสะสมอยู่ แต่หากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกับคนอื่น ควรเช็ดทำความสะอาดก่อนใช้งานเสมอ
  • เมื่อต้องหยุดออกกำลังกาย ควร Cool Down ร่างกาย โดยค่อย ๆ ผ่อนแรงจากการออกกำลังกายที่ทำอยู่อย่างช้า ๆ อย่างน้อย 5 นาที เพื่อช่วยปรับอัตราการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ หลังจากนั้นจึงอาบน้ำและล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว แต่หากอาบน้ำไม่ได้ในทันที ควรเปลี่ยนชุดและอาจเช็ดบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวด้วยแผ่นเช็ดหน้าที่มีกรดซาลิไซลิก ซึ่งอาจช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขนได้  

นอกจากนี้ ควรดูแลสุขภาพผิวเพิ่มเติมด้วยการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว รวมถึงรับประทานอาหารที่มีเบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินซี ซึ่งเป็นสารที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระที่อาจทำลายสุขภาพผิว โดยควรรับประทานอาหาร เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ธัญพืช น้ำมันมะกอก ฟักทอง แครอท มะละกอ ผลไม้จำพวกส้ม เป็นต้น