ยาระบายมะขามแขก ข้อควรรู้เพื่อการใช้อย่างปลอดภัย

ยาระบายมะขามแขก เป็นยาที่ทำมาจากผลหรือใบของมะขามแขก ซึ่งเป็นสมุนไพรที่นำมาใช้เป็นยาระบายเพื่อรักษาอาการท้องผูก ในยาระบายมะขามแขกมีส่วนประกอบของสารเซนโนไซด์ โดยสารเซนโนไซด์อาจช่วยกระตุ้นกระบวนการย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการขับถ่ายง่ายยิ่งขึ้น

ยาระบายมะขามแขก เป็นยาระบายแบบกระตุ้นการเคลื่อนตัวของลำไส้ หากใช้ในปริมาณและขนาดที่เหมาะสม ยาระบายมะขามแขกอาจปลอดภัยสำหรับการใช้เป็นยารักษาอาการท้องผูก โดยยาระบายมะขามแขกสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป และมีจำหน่ายในหลากหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด ยาแคปซูล ยาน้ำ 

ยาระบายมะขามแขก

ทำความรู้จักยาระบายมะขามแขก

ยาระบายมะขามแขกเป็นยาสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาอาการท้องผูก โดยมะขามแขกมีส่วนประกอบของสารเซนโนไซด์ ซึ่งสารชนิดนี้อาจช่วยสามารถขับถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ แพทย์อาจใช้ยาระบายมะขามแขกเพื่อขับอุจจาระก่อนเข้ารับการผ่าตัดหรือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) อีกด้วย

โดยช่วงเวลาที่ควรกินยาระบายมะขามแขก คือช่วงก่อนนอน เนื่องจากยาระบายมะขามแขกอาจออกฤทธิ์ภายใน 6–12 ชั่วโมง จึงอาจทำให้สามารถขับถ่ายได้ในเช้าวันถัดไป หากอาการท้องผูกดีขึ้นแล้ว ควรหยุดกินทันที เพื่อป้องกันอาการผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่อาจตามมา เช่น ขับถ่ายผิดปกติ แร่ธาตุต่าง ๆ ในร่างกายขาดสมดุล

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ายาระบายมะขามแขกจะถือว่าเป็นยาที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ควรใช้ยาระบายมะขามแขกในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมตามที่ฉลากยาระบุไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ข้อควรรู้เพื่อการใช้ยาระบายมะขามแขกอย่างปลอดภัย

การใช้ยาระบายมะขามแขกในผู้ใหญ่มักไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับเด็กที่มีอายุ 2–17 ปี ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกาย นอกจากนี้ ก่อนการใช้ยาระบายมะขามแขกอาจมีข้อควรรู้หรือข้อควรระวังต่าง ๆ ดังนี้

  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายมะขามแขก หากมีประวัติแพ้ยาระบายมะขามแขก หรือเคยมีอาการแพ้ยาต่าง ๆ เกิดขึ้นหลังใช้ เช่น ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก ใบหน้า ปาก ลิ้น หรือคอบวม
  • การกินยาระบายมะขามแขกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ หรือสีปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาหากมีปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง ริดสีดวง ลำไส้อุดตัน ลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ โรคหัวใจ โรคตับ หรือเป็นผู้ที่มีภาวะขาดน้ำ หรือระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ 
  • ควรกินยาระบายมะขามแขกอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังกินยาชนิดอื่น เพราะยาระบายมะขามแขกอาจลดประสิทธิภาพของยาชนิดอื่นได้
  • หลีกเลี่ยงการกินยาระบายมะขามแขกร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาไดจอกซิน ยาขับปัสสาวะ ยาวาฟาริน รวมไปถึงยาสมุนไพรบางชนิดที่อาจลดระดับโพแทสเซียม เช่น ว่านหางจระเข้ และชะเอมเทศ 
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรสามารถใช้ยาระบายมะขามแขกได้ หากใช้ในปริมาณและขนาดที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ยาระบายมะขามแขกไม่ควรใช้เกิน 1 สัปดาห์ เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น ระบบขับถ่ายผิดปกติ แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียมในร่างกายขาดสมดุล ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ตับได้รับความเสียหาย 

ทั้งนี้ ควรหยุดใช้ยาระบายมะขามแขกทันทีและไปพบแพทย์ หากมีเลือดออกทางทวารหนัก หรือพบสัญญาณของระดับโพแทสเซียมต่ำ เช่น ขาเป็นตะคริว ท้องผูก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย และตัวชา นอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ควรไปพบแพทย์เช่นกัน หากมีภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะไม่ออกมากกว่า 8 ชั่วโมง ปากและผิวแห้ง เวียนศีรษะ หมดสติ