ถามแพทย์

  • ตรวจเลือดพบว่าค่า HBsAg = Reactive หมอบอกว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ค่าตับปกติ แพทย์ไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติม อยากทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

  •  aoiwas
    สมาชิก

    เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว(11/6/2563)ไปตรวจเลือด(ที่คลังเลือด)แล้วได้ค่า HBsAg = Reactive (2,494) หมอบอกว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี (หมอบอกว่าเราเป็นมากด้วยไม่ได้เป็นน้อย ได้ยินแล้วตกใจ) แล้วหมอให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล และหมอที่โรงพยาบาลให้เราตรวจเลือดผลออกมาค่าตับปกติ และหมอไม่ได้บอกอะไรต่อ เลยอยากทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อไปไหมกับค่า HBsAg ที่หมอบอกว่าสูง เราอยากรู้ว่าสูงเพราะอะไรและเราต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพราะหมอไม่ได้แนะนำอะไรเลย อยากได้คำแนะนำคะ ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ปฏิบัติตัวอย่างไร

    aoiwas  พญ.นรมน
    สมาชิก

     สวัสดีค่ะคุณ aoiwas

    ไวรัสตับอักเสบชนิดบี เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังของตับ นำไปสู่การมีตับแข็ง ตับอักเสบ หรือมะเร็งตับตามมาได้ในกรณีที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อออกไปได้  การติดต่อของโรคเช่นการสัมผัสสารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกาย เช่น ติดต่อได้ทางเลือดเช่นการรับเลือดของผู้ติดเชื้อ ติดต่อผ่านเข็มฉีดยา การฝังเข็ม หรืออุปกรณ์ที่มีเชื้อปนเปื้อน หรือติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน เป็นต้น

    โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่รับเชื้อมา จะกำจัดเชื้อออกไปได้เองในที่สุด ผลเลือดตัวที่กล่าวมาเป็นผลเลือดดูว่ายังมีเชื้อในร่างกายอยู่หรือไม่ ถ้ามีเชื้อ อาจจะแปลได้สองอย่างคืออยู่ในระยะติดเชื้อเฉียบพลันของโรค หรือกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังจากโรคไปแล้ว โดยจะทราบว่าเป็นนแบบใดจะต้องดูค่าการทำงานของตับ และค่าของระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกายร่วมไปด้วย 

    ดังนั้นควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจและสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัดว่าตอนนี้เป็นตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ ซึ่งอย่างที่กล่าวไปว่าค่าเลือดตัวอื่นๆจะช่วยบอกได้ ถ้าเป็นตับอักเสบเฉียบพลันจากโรค ตอนนี้หายแล้ว จะตรวจไม่พบค่า HBsAg ตัวที่กล่าวมา แปลว่าเป็นแล้ว และหายแล้ว ไม่ต้องทำอะไร แต่หากมีค่า HBsAg สูงเรื้อรังในเลือด ก็คือเป็นตับอักเสบจากโรค ก็ต้องได้รับการติดตามค่าการทำงานของตับและอัลตราซาวน์ตับเป็นระยะเพื่อดูว่ายังไม่ได้มีภาวะตับแข็ง และหากมีปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดสูงอาจจะต้องรับยาต้านไวรัสต่อไปค่ะ