ถามแพทย์

  • มีอาการเจ็บบริเวณใต้สะดือ เป็นๆหายๆ มา 2-3 วันแล้ว เกิดจากสาเหตุอะไร กินยาอะไร

  •  Biwty
    สมาชิก
    มีอาการเจ็บแปปๆ บริเวณใต้สะดือ เป็นๆหายๆ เจ็บมาเป็นระยะๆ เป็นมา2-3วันแล้ว เกิดจากสาเหตุอะไรคะ และควรกินยาอะไร ถึงจะหาย

    สวัสดีค่ะ คุณ  Biwty,

                      อาการเจ็บท้องบริเวณใต้สะดือ คืออาการปวดท้องบริเวณช่องท้องส่วนล่าง ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจาก

                     - กล้ามเนื้อหน้าท้องอักเสบจากการบาดเจ็บ เช่น จากการยกของหนัก ออกกำลังกายในท่าซิท-อัพ หรืออื่นๆ ที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องมากไป การถูกกระแทกโดยตรง เป็นต้น มักจะมีจุดกดเจ็บที่ชัดเจนและเจ็บเป็นบางท่าทาง 

                      - มดลูกอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ แต่มักมีตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย 

                      -  ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน  มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายอุจจาระเหลวร่วมด้วย 

                       - หากปวดท้องน้อยด้านขวา อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งอาการปวดจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

                       - กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะมีอาการมีปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะขุ่น ปัสสาวะมีเลือดปน เป็นต้น

                       เป็นต้น

                        ดังนั้น หากยังไม่มีอาการอื่นๆ เช่น ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว เป็นต้น ก็น่าจะเกิดจากกล้ามเนื้อหน้าท้องอักเสบได้ ซึ่งการดูแลรักษาตัวเองในเบื้องต้น ได้แก่ งดการทำงานหนักต่างๆ  เช่น ยกของหนัก การก้มๆ เงยๆ การออกกำลังกายต่างๆ อาจลองใช้วิธีการประคบร้อนตรงจุดที่เจ็บ หากเจ็บมาก อาจใช้ยาทาน เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดต่างๆ เช่น  ไดโลฟีแนค (diclofenac) เป็นต้น แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ อีก นอกจากอาการเจ็บท้อง เช่น ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว มีตกขาวผิดปกติ เป็นต้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ