จะไปเจาะจมูก แต่กินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ เพราะเป็นโรคหัวใจ จะมีผลอะไรไหม

 สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                       ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาสลายลิ่มเลือด (Fibrinolytic drugs หรือ Thrombolytic drugs) เป็นยาที่ทำให้ลิ่มเลือดสลายหรือละลายได้ ใช้รักษาโรคสมองขาดเลือด ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด  ตัวอย่างยา เช่น  แอลทีเพลส (Alteplase), รีเทเพลส (Reteplase), ทีเนคทีเพลส (Tenecteplase), สตรปโตไคเนส (Streptokinase), ยูโรไคเนส (Urokinase) เป็นต้น ยาเหล่านี้จะอยู่ในรูปแบบยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำเท่านั้น ดังนั้น หากทานยาอยู่ จึงไม่น่าใช่ยาละลายลิ่มเลือดค่ะ 

                       ดังนั้น ยาที่ทานอยู่ จึงน่าจะเป็นยากันเลือดแข็งตัว หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) มากกว่าค่ะ โดยยาในกลุ่มนี้ จะไปลดโอกาสเกิดการจับตัวเป็นก้อนของเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้า ลดโอกาสเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด ข้อบ่งใช้ เช่น หลังผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจเทียม, โรคลิ้นหัวใจรูมาติค, ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (AF), ภาวะลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดในปอด,เส้นเลือดแดงบริเวณแขน ขา หรือเส้นเลือดดำใหญ่อุดตันจากลิ่มเลือด, เส้นเลือดสมองอุดตันจากลิ่มเลือด, ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เป็นต้น ตัวอย่างยา คือ Heparin ซึ่งอยู่ในรูปยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ส่วน Warfarin จะอยู่ในรูปยารับประทาน

                       ดังนั้น ยาที่ทานอยู่น่าจะเป็นยา Warfarin ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจพบ เช่น เลือดออกง่าย และออกมากผิดปกติ ซึ่งเกิดได้ในหลายอวัยวะ  เช่น  เลือดออกในทางเดินอาหาร เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกในช่องหน้าลูกตา มีรอยจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง ประจำเดือนมากผิดปกติ เลือดกำเดาไหลมากและนานกว่าปกติ รวมถึงหากเกิดบาดแผลที่ผิวหนัง ก็อาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายและมากกว่าปกติ

                       ดังนั้น ไม่แนะนำการไปเจาะจมูก เพราะย่อมเสี่ยงต่อการเกิดเลือดไหลไม่หยุดได้ค่ะ  ทั้งนี้ โดยปกติ หากผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องทำหัตถการ เช่น การผ่าตัดเล็กต่างๆ เช่น ผ่าไฝ ถอนฟัน ผ่าฟันคุด เป็นต้น รวมไปถึงการเจาะจมูกเอง ก็ต้องหยุดยาก่อนอย่างน้อย 3 วัน และตรวจวัดค่าการแข็งตัวของเลือด คือวัดค่า INR และ PT ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อนผ่าตัดค่ะ