ถามแพทย์

  • หลังหยุดยาคุม มีเลือดออกมา 2 วัน จะท้องไหม แล้วมีเพศสัมพันธ์ใส่ถุงยาง จะท้องไหม

  •  Woralove
    สมาชิก
    มีเรื่องจะสอบถามคุณหมอค่ะ พอดีดิชั้นทานยาคุมต่อเนื่องมา 3-4 ปี พอเห็นข่าวผลกระทบจากการทานยาคุมต่อเนื่องนานๆเลยตัดสินใจหยุดทาน กินยาคุมชนิด28เม็ด ทานเม็ดสุดท้าย(เม็ดฮอร์โมน)วันที่ 13 ต.ค.19 ประจำเดือนมาตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค 19 พอยาหมดแผงก็เลยเลิกทานเลยค่ะ คำถามคือ 1).ถ้ามีเพศสัมพันธ์ ช่วงก่อนหน้าประจำเดือนมา ถือว่ารอบนั้นปลอดภัยจากการตั้งครรภ์แล้วใช่มั้ยคะ หรือมีโอกาสส่งผลให้มีการตั้งครรภ์หลังหยุดกินยาด้วย 2).21 ต.ค.19 คือวันแรกที่หยุดยา /วันที่ 23 กับ 29 ตุลา มีเลือดออกที่ช่องคลอด เวียนศรีษะ คัดเต้านม เป็นผลกระทบจากการหยุดยาคุมหรือป่าวคะ หรือเป็นสัญญานว่าตั้งครรภ์ 3).และวันที่ 27 ตุลา มีเพศสัมพันธ์กับสามีโดยใช้ถุงยางป้องกัน มีโอกาสตั้งคำครรภ์มั้ยคะ (ยังไม่พร้อมจะมีน้องค่ะ) และควรกลับไปกินยาคุมมั้ยคะถ้ายังไม่พร้อม

    สวัสดีค่ะ คุณ Woralove,

                           หากทานยาคุมกำเนิดครบ 28 เม็ด และได้มีประจำเดือนมาไปแล้วในช่วงที่ทานยาเม็ดแป้ง คือมาในวันที่ 18 ต.ค. ก็แสดงว่า ไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ และหากหลังจากที่มีประจำเดือนมาแล้ว ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีก ก็จะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ

                            จากคำถาม

                             1. เมื่อมีประจำเดือนมา ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ

                             2. เลือดที่ออกในวันที่ 23 กับ 29 ต.ค. อาจเกิดจากการผลิตฮอร์โมนที่ผิดปกติของรังไข่ ซึ่งเป็นผลจากการที่เพิ่งหยุดทานยาคุมได้ หากเลือดไม่ได้ออกต่อเนื่อง ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไรค่ะ ส่วนอาการเวียนหัวกับคัดเต้านม อาจเป็นอาการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือเกิดจากการมีความเครียด วิตกกังวลก็ได้ค่ะ

                             3. การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยป้องกันนั้น หากใช้ได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการฉีกขาดหรือรั่วซึม ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2%

                             ดังนั้น หากยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ ก็ควรเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ถุงยางอนามัย เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด เป็นต้น