อายุ 19 ปี ตรวจพบเป็นไวรัสตับอักเสบบี ควรกินหรือไม่ควรกินอะไรบ้าง จะหายไหม

 สะบายดี คุณ ໝີນອ້ຍ ພົມມະວົງ,

                    หากเพิ่งได้รับการตรวจพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีเป็นครั้งแรก แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกที่ 6 เดือนต่อมา เนื่องจากหากเพิ่งมีการติดเชื้อมา ส่วนใหญ่ประมาณ 90% สามารถหายได้เอง คือร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบบีขึ้นมาได้ ซึ่งในช่วงนี้ยังไม่ต้องมีการรักษาอะไรค่ะ แต่หากอีก 6 เดือนต่อมายังคงตรวจพบเชื้อ แปลว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังค่ะ หรือเรียกว่าเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งควรได้รับการติดตามดูแลจากอายุรแพทย์อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 

                   - การตรวจเลือดเพื่อประเมินดูภาวะของโรค ได้แก่ HBeAg, HBeAb, และ HBV DNA

                   - ตรวจติดตามการทำงานของตับ โดยตรวจ ALT (alanine aminotranferase) ทุก 3-6 เดือน

                   - ตรวจประเมินระยะของโรคตับ ด้วยอัลตราซาวน์ หรือวัดความยืดหยุ่นตับ ด้วยเครื่อง transient elastography

                    หากการตรวจติดตามเป็นระยะดังกล่าว มีความผิดปกติที่เข้าเกณฑ์การรักษา แพทย์ก็จะจ่ายยาต้านไวรัสให้ค่ะ ซึ่งยาที่ใช้รักษามีทั้งชนิดฉีดเข้าใต้ผิวหนังและยาทาน เช่น Interferon-alpha, lamivudine เป็นต้น

                    สำหรับการดูแลตนเองทั่วไป ได้แก่ การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงการสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ซื้อยาและอาหารเสริมรับประทานเอง ลดอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง ที่มักปนเปื้อนเชื้อรา เนื้อสัตว์ปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม อาหารที่อาจใส่ดินประสิว เช่น ไส้กรอก เบคอน เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ของหมักดอง แหนม อาหารสุกๆดิบๆ เช่น ปลาร้า นอกจากนี้แนะนำให้คนที่อยู่ใกล้ชิด เช่น คนในครอบครัว แฟน ไปตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีด้วยค่ะ ซึ่งต้องดูแลรักษาต่อไปอย่างต่อเนื่องค่ะ