ปวดหัวค่อนข้างบ่อยมาก ช่วงเช้าจะไม่ปวด แต่พอช่วงบ่ายก็จะเริ่มปวด ตอนเย็นจะปวดมาก บางครั้งเป็น 2-3 วันกว่าจะหาย

สวัสดีค่ะ คุณ U.uoon,

                อาการปวดศีรษะแบบเรื้อรัง หากเป็นๆ หายๆ และไม่ได้มีลักษณะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นอาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ ซึ่งเป็นอาการปวดที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด โดยลักษณะอาการปวดของคุณ U.uoon น่าจะเป็นอาการปวดศีรษะจากความเครียด หรือ tension headache โดยจะปวดเหมือนมีเข็มขัดรัดรอบศีรษะ ตำแหน่งที่ปวดจะอยู่บริเวณท้ายทอย หน้าผาก และบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง อาการปวดจะเป็นมากในช่วงบายถึงค่ำ ส่วนตอนเช้ามาอาการปวดจะเป็นน้อย การปวดแต่ละครั้งอาจปวดอยู่ได้นานตั้งแต่ 1 วัน จนถึง 1 สัปดาห์ มักจะพบร่วมกับอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ อาการปวดจะถูกกระตุ้นเมื่อมีความเครียด วิตกกังวล ทำงานหนัก ทำงานหนัก ใช้สายตามากไป อดนอน เป็นต้น 

            ส่วนอาการปวดศีรษะเรื้อรังชนิดอื่นๆ เช่น

            - ปวดศีรษะไมเกรน  ส่วนใหญ่มักจะปวดข้างเดียว มักปวดบริเวณขมับ รอบดวงตา และอาจลามไปด้านหลังของศีรษะ อาการปวดเป็นแบบตุ๊บๆ โดยส่วนใหญ่จะปวดต่อเนื่องนาน 1-3 วันแล้วหายไป ขณะปวดอาจมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร  มึนหัว เป็นต้น บางรายจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะ เช่น เห็นแสงสว่างลักษณะซิกแซก เป็นต้น ปัจจัยที่กระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบ เช่น นอนหลับมากไปหรือน้อยมาก การเจอแสงจ้ามากไป อาหารบางอย่าง เช่น ช็อกโกแลต เนย ชา กาแฟ เป็นต้น

            - ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (cluster headache) เป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียวแบบรุนแรง โดยจะมีอาการเพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วหายไป และปวดขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ มักมีอาการตาแดง น้ำตาไหล น้ำมูกไหล หนังตากตกร่วมด้วย

             สำหรับการบรรเทาอาการปวดศีรษะในเบื้องต้น ได้แก่ การทานยาแก้ปวดเช่น  พาราเซตามอล ไอบูโพรเพน (ibuprofen) เป็นต้น และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากนอนไม่หลับ ควรทานยาที่ช่วยให้หลับ นอกจากนี้ควรลดความเครียดในเรื่องต่างๆ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรมเพื่อรับยาที่จะช่วยบรรเทาอาการค่ะ ขอให้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ