ถามแพทย์

  • หยุดทานยาคุม มีประจำเดือนมา 6-11 ก.ค. แล้วมีประจำเดือนมาอีกครั้ง 20 ก.ค. เกิดจากอะไร

  •  baifern12
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ พอดีอยากจะสอบถามคุณหมอว่า ดิฉันใช้ยาคุมกำเนิดนานติดต่อกันประมาน4ปีกว่าๆ ช่วง3ปีกว่าๆแรกฉีดค่ะ หลังจากนั้นมีฉีดบ้างกินบ้างสลับกัน กินของเมซิลอน21 เม็ดค่ะ แต่ตอนนี้หลังจากกินยาคุมเม็ดที่21 หมด ไม่กี่วันรอบเดือนก็มา พอครบ7วันก็ไม่ได้เริ่มกินใหม่กัน ตั้งใจจะมีลูกคนที่สองค่ะ หลังจากเลิกกินได้เดือน - เดือนกว่าๆ รอบเดือนก็มาใหม่ค่ะ มาเมื่อวันที่6 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ พึ่งหยุดวันที่11 กรกฎา แต่วันที่20 กรกฎา เมื่อวานที่ผ่านมา ประจำเดือนมาอีกแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรค่ะ แล้วจะทราบได้ไงค่ะว่าไข่จะตกเมื่อไหร่??

    สวัสดีค่ะ คุณ baifern12,

                        หากหยุดทานยาคุมกำเนิดไปได้เดือนกว่า แล้วได้มีประจำเดือนมา ก็แสดงว่าปกติดี ไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แต่หากประจำเดือนมาวันที่ 6-11 ก.ค. แล้ในวันที่ 20 ก.ค. ได้มีเลือดออกมาอีก ก็อาจเกิดจาก

                       1. เป็นเลือดออกช่วงไข่ตก หากเลือดที่ออกอยู่ในช่วงกึ่งกลางของรอบประจำเดือน คือประมาณวันที่ 13-15 นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมา และออกเพียงแค่ 1 วัน เลือดดังกล่าวก็น่าจะเป็นเลือดออกวันไข่ตกได้

                      2. มีการอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก แต่มักปวดท้องน้อยและตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย มีเจ็บท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะผิดปกติ

                       3. ความผิดปกติที่มดลูกและรังไข่ เช่น มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น แต่ก็จะต้องมีเลือดออกมาอีกเรื่อยๆ

                        4. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ

                         นอกจากนี้ เลือดที่ออก อาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ก็ได้ โดยเลือดที่ออกในรอบก่อน อาจไม่ใช่ประจำเดือนก็ได้ ดังนั้น อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูก่อนค่ะ หากตรวจไม่พบ ก็ให้สังเกตอาการไปก่อน หากเลือดที่ออกมามีปริมาณไม่มาก และเป็นเพียงแค่ 1-2 วัน อาจเป็นเลือดออกช่วงไข่ตกก็ได้ แต่หากเลือดมีปริมาณมาก และออกนานเกิน 2 วัน หรือมีปวดท้องน้อย ก็ควรไปพบสูติ-แพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ