ตาแดง

ความหมาย ตาแดง

ตาแดง คือ อาการที่เยื่อบุดวงตาทั้ง 2 ข้างหรือข้างใดข้างหนึ่งเป็นสีแดงจากหลอดเลือดฝอยที่เยื่อตาขยายตัว มักเกิดจากการอักเสบหรือการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุตา ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ การขยี้ตา การสัมผัสดวงตา ฝุ่นผงเข้าตา ตาแห้ง การบาดเจ็บบริเวณดวงตา หรือเนื้อเยื่อดวงตาเกิดการติดเชื้อ เป็นต้น อาการตาแดงพบได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงมากนัก และหายเองได้ภายใน 1-2 วัน แต่หากสังเกตเห็นว่าอาการตาแดงเริ่มรุนแรง หรืออาจเกี่ยวข้องกับโรคตาอื่น ๆ ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

ตาแดง

อาการตาแดง

อาการตาแดงอาจเป็นแค่ตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้างพร้อม ๆ กัน ซึ่งแตกต่างกันไปตามสาเหตุด้วย

นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่น ๆ ปรากฏขึ้นร่วมกับอาการตาแดงได้ เช่น

  • แสบตา น้ำตาไหล
  • คันตา หรือคันบริเวณเปลือกตา
  • เปลือกตาบวม หรือเปลือกตาอักเสบและลอก
  • มีขี้ตาเหลวหรือเป็นก้อนแข็ง
  • ตาพร่า มองเห็นภาพไม่ชัด
  • ขนตาร่วง
  • ปวดศีรษะ มีไข้ และไอ

ทั้งนี้ หากผู้ป่วยตาแดงมานานเกิน 2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือตาแดงหลังจากรับประทานยาวาร์ฟาริน ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยตาแดงและมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  • การมองเห็นเปลี่ยนไป หรือมองเห็นแสงกระจายเป็นรัศมีรอบ ๆ ดวงไฟ
  • ตาไวต่อแสง
  • รู้สึกเหมือนมีอะไรในตา
  • มีวัตถุแปลกปลอมในตา หรือสารเคมีเข้าตา
  • มีอาการบวมในหรือนอกดวงตา
  • ลืมตาหรือหลับตาไม่ได้
  • ปวดตา
  • ปวดหัวรุนแรง หรือปวดหัวร่วมกับอาการสับสนและมองเห็นไม่ชัด
  • เป็นไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
  • คลื่นไส้ อาเจียน

สาเหตุของตาแดง

สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของตาแดง คือ หลอดเลือดบริเวณผิวดวงตาอักเสบจากการระคายเคืองต่อปัจจัยต่าง ๆ เช่น ฝุ่น ควัน อากาศแห้ง และแสงแดด หรืออาจเกิดจากการไอ โรคหวัด โรคภูมิแพ้ เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสด้วย

นอกจากนี้ ตาแดงอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น ๆ ดังต่อไปนี้

  • การอักเสบบริเวณตาขาว เปลือกตา เบ้าตา ม่านตา กระจกตา หรือเยื่อบนผนังลูกตา
  • การบาดเจ็บบริเวณดวงตา เช่น เกิดแผล หรือมีแผลไหม้
  • กระจกตาติดเชื้อโรคเริม
  • ผิวกระจกตาถลอก หรือกระจกตาเป็นแผล โดยเฉพาะจากการใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป
  • มีวัตถุแปลกปลอมเข้าตา
  • มีก้อนสีแดงเกิดขึ้นและสร้างความเจ็บปวดบริเวณเปลือกตา
  • ตาแห้ง เพราะมีการผลิตน้ำตาลดลง
  • ตากุ้งยิงชนิดไม่เจ็บ
  • ภาวะหนังตาม้วนออกด้านนอกหรือม้วนเข้าด้านใน
  • การเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทตา
  • เลือดออกใต้เยื่อบุตา
  • การใช้ยาหยอดตา

การวินิจฉัยตาแดง

โดยปกติ จักษุแพทย์อาจวินิจฉัยสาเหตุของอาการตาแดงได้อย่างแม่นยำจากการตรวจสุขภาพดวงตา และการซักถามผู้ป่วยถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • อาการอื่น ๆ ที่ปรากฏ
  • ประวัติทางการแพทย์
  • อาหารที่บริโภค
  • รูปแบบการดำเนินชีวิต
  • ปัญหาอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณดวงตา

อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจทำการทดสอบอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อยืนยันสาเหตุของตาแดงในบางกรณี เช่น การส่งตรวจขี้ตาเพื่อเพาะเชื้อ ซึ่งอาจเป็นวิธีที่พบได้ไม่บ่อยนัก

การรักษาตาแดง

หากไม่ขยี้ตาจนทำให้อาการแย่ลง อาการตาแดงอาจดีขึ้นหรือหายได้เองโดยไม่ปรากฏอาการปวดหรือปัญหาสายตาอื่น ๆ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจต้องเข้ารับการรักษาบรรเทาอาการ ซึ่งการรักษาตาแดงอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุ

อย่างไรก็ตาม อาการตาแดงจากบางสาเหตุ เช่น ตาแดงจากโรคภูมิแพ้ อาจหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกำจัดสารก่ออาการแพ้ออกไป ส่วนอาการตาแดงจากโรคเยื่อบุตาอักเสบอาจคงอยู่นานร่วม 2 สัปดาห์ ดังนั้น หากผู้ป่วยไม่แน่ใจว่าตนเองตาแดงจากสาเหตุใด ควรไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

ตัวอย่างวิธีการรักษาบรรเทาอาการตาแดง

  • พักสายตา เพื่อบรรเทาอาการตาล้า
  • ประคบร้อนหรือประคบเย็นที่ดวงตา เพื่อลดอาการปวดบวม
  • ล้างตาด้วยน้ำเกลือ น้ำอุ่น หรือน้ำเย็น เพื่อลดการระคายเคือง
  • ใช้ยาหยอดตาหรือน้ำตาเทียม หากตาแดงจากอาการตาแห้ง
  • รับประทานยาแก้แพ้ หากตาแดงจากอาการแพ้
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสดวงตาแม้จะล้างมือสะอาดแล้วก็ตาม เนื่องจากความมันหรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ อาจติดอยู่ในเล็บ จนเป็นสาเหตุให้เกิดตาแดงหรือเป็นแผลถลอกที่ดวงตาได้
  • หลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้ หรือออกจากบริเวณที่มีสารก่ออาการแพ้

ทั้งนี้ หากรักษาตาแดงด้วยวิธีดังกล่าวแล้วอาการไม่ทุเลาลงหรือทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาจต้องใช้ยาแก้แพ้ ยาปฏิชีวนะ ยาหยอดตา หรือยาแก้ปวดอื่น ๆ ตามใบสั่งแพทย์เพิ่มเติมในบางกรณี

ภาวะแทรกซ้อนของตาแดง

หากปรากฏอาการตาแดงแล้วไม่รีบดูแลหรือรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยอาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ ดังต่อไปนี้

  • เป็นโรคตาอื่น ๆ
  • เกิดแผลเป็นในดวงตา
  • การติดเชื้อลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของดวงตาหรือร่างกาย
  • มีปัญหาในการมองเห็น ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันได้
  • สูญเสียการมองเห็นบางส่วน หรือตาบอด
  • สูญเสียดวงตา

การป้องกันตาแดง

โดยทั่วไป การป้องกันอาการตาแดงอาจทำได้โดยการรักษาสุขอนามัยให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงสารก่อการระคายเคืองต่าง ๆ ที่อาจทำให้ตาแดง ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

  • ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่ก่อนสัมผัสใบหน้าและบริเวณดวงตา
  • เมื่อมีสิ่งสกปรกเข้าตา ให้ล้างดวงตาด้วยน้ำสะอาด
  • เมื่อกลับเข้าที่พัก หากแต่งหน้าให้ล้างเครื่องสำอางบริเวณดวงตาออกทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางแต่งตาร่วมกับผู้อื่น และเปลี่ยนเครื่องสำอางแต่งตาทุก ๆ 6 เดือน
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องเพ่งสายตาหรือใช้สายตามาก ๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการตาล้า
  • ห้ามใส่คอนแทคเลนส์นานเกินกำหนด โดยห้ามใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับผู้อื่น และควรล้างคอนแทคเลนส์ให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ
  • ห้ามใช้ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า และหมอนร่วมกับผู้อื่น

นอกจากนี้ ผู้ป่วยตาแดงควรงดไปทำงาน ไปโรงเรียน หรือสถานที่สาธารณะอื่น ๆ จนกว่าจะหายดี เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น