ดาซาทินิบ

ดาซาทินิบ

Dasatinib (ดาซาทินิบ) เป็นยาในกลุ่มไคเนส อินฮิบิเตอร์ ออกฤทธิ์ยับยั้งโปรตีนที่ทำให้เซลล์มะเร็งเพิ่มจำนวนขึ้น ใช้รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดไมอิลอยด์ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมโฟไซติก และนำไปใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดอื่น ๆ หรือผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากยาเหล่านั้น นอกจากนี้ อาจใช้รักษาโรคหรือภาวะอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ด้วย

2021 Dasatinib rs

เกี่ยวกับยา Dasatinib

กลุ่มยา ไคเนส อินฮิบิเตอร์
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดไมอิลอยด์ และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมโฟไซติก
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ Category D จากการศึกษาในมนุษย์ พบความเสี่ยงทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ จะใช้ก็ต่อเมื่อพิจารณาแล้วว่า ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมารดาและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดต่อทารกในครรภ์ โดยมากมักใช้ในกรณีที่จำเป็นในการช่วยชีวิต หรือใช้รักษาโรคร้ายแรงของมารดา ซึ่งไม่สามารถใช้ยาอื่น ๆ ทดแทนได้


คำเตือนในการใช้ยา Dasatinib

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีประวัติแพ้ยาชนิดนี้หรือแพ้ส่วนประกอบของยาชนิดนี้ รวมถึงการแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ  
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังรับประทานยาชนิดอื่นอยู่ ทั้งยาที่ซื้อรับประทานเอง ยาตามใบสั่งแพทย์ วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร หรือยาที่คิดว่าจะรับประทาน เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยานี้ ซึ่งแพทย์อาจปรับปริมาณยาให้เหมาะกับการใช้ยาของผู้ป่วย และเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด
  • หากกำลังใช้ยาลดกรดอยู่ เช่น ยาอลูมินัมไฮดรอกไซด์ ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ ยาแคลเซียมคาร์บอเนตและแมกนีเซียม เป็นต้น ให้รับประทานยาเหล่านี้ 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังใช้ยา Dasatinib
  • แจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากป่วยเป็นโรคหรือมีภาวะสุขภาพ เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ ภาวะย่อยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่อง ระดับโพแทสเซียมหรือแมกนีเซียมในเลือดต่ำ กลุ่มอาการคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติแบบ Long QT หรือระบบภูมิคุ้มกันมีปัญหา เป็นต้น
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตร เพราะยานี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
  • ระมัดระวังไม่ให้ตั้งครรภ์ในระหว่างที่รับประทานยาหรือหลังจากหยุดรับประทานยาได้ 1 เดือน โดยควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพในระหว่างที่ใช้ยา
  • หากตั้งครรภ์ระหว่างรับประทานยา Dasatinib หรือหลังจากหยุดรับประทานยาได้ 1 เดือน ให้ไปพบแพทย์ทันที
  • หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรถือยาเม็ดที่แตกหรือหัก เพราะอาจทำให้ตา จมูก ปาก หรือผิวหนังได้รับอันตรายจากการสัมผัส
  • สำหรับผู้หญิงที่ต้องให้นมบุตร ไม่ควรให้นมบุตรขณะรับประทานยานี้หรือหลังจากรับประทานยาได้ 2 สัปดาห์
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ เพราะยาอาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ โดยอาจทำให้มีบุตรไม่ได้หรือปฏิสนธิไม่ได้
  • ควรล้างมือบ่อย ๆ ขณะรับประทานยา Dasatinib เพราะยานี้อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย รวมทั้งไม่ควรเข้าใกล้ผู้ที่ติดเชื้อ เป็นหวัด หรือเป็นไข้
  • ห้ามรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเกรปฟรุตขณะใช้ยานี้ เพราะเกรปฟรุตอาจทำปฏิกิริยากับยาจนทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้
  • ยานี้อาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาเกี่ยวกับปอดที่รุนแรง อย่างความดันหลอดเลือดปอดสูง โดยอาจเกิดขึ้นหลังจากเริ่มรับประทานยาเมื่อใดก็ได้ แม้จะรับประทานยาไปมากกว่า 1 ปีแล้วก็ตาม
  • ยา Dasatinib อาจทำให้เด็กเจริญเติบโตช้า พ่อแม่จึงควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงและการใช้ยาในเด็ก และควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเด็กมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติขณะรับประทานยานี้
  • ยาชนิดนี้อาจทำให้เซลล์เม็ดเลือดต่ำ ผู้ป่วยจึงอาจต้องเข้ารับการตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับผลข้างเคียงมากกว่าคนกลุ่มอื่น
  • ระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับตนเอง รวมทั้งควรแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม และโกนหนวดด้วยที่โกนหนวดไฟฟ้า เพราะยานี้อาจทำให้มีเลือดออกง่ายขึ้น และอาจทำให้มีเลือดออกอย่างรุนแรงได้ แม้อาจพบได้น้อยก็ตาม
  • แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่ากำลังรับประทานยาชนิดนี้อยู่หากต้องเข้ารับการผ่าตัด  

ปริมาณการใช้ยา Dasatinib

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดไมอิลอยด์
ตัวอย่างการใช้ยา Dasatinib เพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดไมอิลอยด์

ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 100 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน และอาจปรับปริมาณยาเป็น 140 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เกิดจากเซลล์ไมอิลอยด์หรือลิมฟอยด์
ตัวอย่างการใช้ยา Dasatinib เพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เกิดจากเซลล์ไมอิลอยด์หรือลิมฟอยด์ที่อยู่ในระยะ Blase หรือหากตรวจเจอว่ามีโครโมโซม Philadephia

ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 140 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน และอาจเพิ่มปริมาณยาเป็น 180 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน

การใช้ยา Dasatinib

  • ใช้ยาตามฉลากยาและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณน้อยกว่า มากกว่า หรือนานกว่าที่แพทย์แนะนำ และรับประทานยาในเวลาเดิมทุกวัน
  • ห้ามเริ่มรับประทานยาหรือหยุดใช้ยาเองหากไม่ได้ปรึกษาแพทย์ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
  • รับประทานยานี้ก่อนอาหารหรือหลังอาหารก็ได้ โดยกลืนยาลงไปทั้งเม็ด และห้ามเคี้ยวยา ทำให้ยาแตก หรือหักเม็ดยา
  • ห้ามใช้ยาที่แตกหรือหัก เพราะอาจทำให้ตา จมูก ปาก หรือผิวหนังได้รับอันตราย ซึ่งหากยาสัมผัสผิวหนัง ให้ล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำและสบู่ และล้างตาด้วยน้ำเปล่า
  • สวมถุงมือขณะถือยาเม็ดหรือยาแคปซูลที่แตก และสอบถามแพทย์เกี่ยวกับวิธีกำจัดยาเม็ดที่แตกอย่างปลอดภัย            
  • หากลืมรับประทานยา ให้ข้ามไปรับประทานยาในรอบถัดไป โดยไม่ต้องรับประทานยาทดแทน
  • ห้ามใช้ยาร่วมกับผู้อื่น และห้ามรับประทานยาของผู้อื่น
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้องให้ห่างจากความร้อน ความชื้น เด็ก และสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาไว้ในห้องน้ำ
  • ห้ามเก็บยาที่ไม่ใช้แล้วหรือยาที่หมดอายุเอาไว้ และห้ามทิ้งยาลงชักโครกหรืออ่างล้างมือ หากยาเหลือควรนำไปคืนที่สถานพยาบาล  

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Dasatinib

โดยปกติยา Dasatinib อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องผูก รู้สึกแสบร้อน ปวด หรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มบริเวณมือหรือเท้า มีอาการเจ็บ บวม แดงภายในช่องปาก ผิวหนังแดงหรือลอก หรือมีปัญหาด้านการหายใจ เป็นต้น ซึ่งหากอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นหรือไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์

นอกจากนี้ หากมีอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที  

  • มีอาการของภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง เช่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยล้า หายใจไม่อิ่ม มีอาการบวมบริเวณลำตัว ขา หรือเท้า ผิวหนังและริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม เป็นต้น
  • มีไข้ เจ็บคอ หนาวสั่น หรือมีสัญญาณการติดเชื้ออื่น ๆ
  • ไอแบบไม่มีเสมหะ ไอเป็นเลือด เสมหะมีสีชมพูหรือมีเลือดปน  
  • เจ็บปาก มีปัญหาด้านการพูด
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
  • เจ็บผิวหนัง ผิวซีด มีผื่นสีแดงหรือสีม่วงขึ้นที่ผิวหนัง โดยผื่นดังกล่าวอาจกระจายออกไปรอบ ๆ และทำให้เกิดแผลพุพองหรือลอกออกได้  
  • มีอาการบวมที่ตา แขน หรือมือ แสบร้อนบริเวณดวงตา
  • กล้ามเนื้อเป็นตะคริว ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ  
  • ปวดศีรษะอย่างมาก สับสน เป็นลม
  • หัวใจเต้นผิดปกติ เต้นเร็ว หรือใจสั่น
  • มีอาการแน่นหน้าอกมากขึ้นเมื่อไอ จาม หรือสูดหายใจเข้าลึก ๆ
  • มือและเท้าเย็น แขนหรือขาชาหรืออ่อนแรง
  • คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างรุนแรงต่อเนื่อง อาเจียนสีเหมือนเมล็ดกาแฟ หรืออาเจียนเป็นเลือด
  • ปัสสาวะมีเลือดปน อุจจาระร่วง อุจจาระมีเลือดปนหรือมีสีดำและเหมือนดินน้ำมัน
  • มีเลือดออกผิดปกติ หรือฟกช้ำได้ง่าย
  • หน้าอกโตขึ้นชั่วคราว ซึ่งพบในเด็ก
  • มีอาการแพ้อย่างเป็นลมพิษ ปากหรือคอบวม  
  • มีอาการลมชัก