คันอวัยวะเพศ ปัญหาของจุดซ่อนเร้นที่ผู้หญิงควรใส่ใจ

การคันอวัยวะเพศเป็นอาการที่สร้างความรำคาญใจและความไม่สบายตัวให้กับผู้หญิงได้ไม่น้อย โดยหลายคนอาจสรุปเองว่าอาการคันนั้นเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด แต่อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะสาเหตุของคันอวัยวะเพศนั้นมีความหลากหลายกว่าที่คุณคิด 

โดยปกติแล้ว ผู้หญิงที่มีอาการคันอวัยวะเพศควรไปพบแพทย์โดยเฉพาะหากมีอาการรุนแรงหรือเคยมีปัญหาสุขภาพมาก่อน เพื่อตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม และช่วยให้อาการหายได้เร็วขึ้น 

คันอวัยวะเพศ

สาเหตุของคันอวัยวะเพศที่ควรรู้

คันอวัยวะเพศนั้นอาจเกิดได้จากปัญหาสุขภาพหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางประการ โดยตัวอย่างสาเหตุที่พบได้บ่อยดังนี้

1. การระคายเคือง

หลายคนไม่ทราบว่า สารเคมีในผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั้นอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อจุดซ่อนเร้นหรือทำให้เกิดอาการคันอวัยวะเพศได้ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้น ยาครีมหรือขี้ผึ้งทาช่องคลอด ยาชนิดสอดช่องคลอด ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือแม้กระทั่งกระดาษทิชชู่ที่มีกลิ่นหอม จึงอาจต้องสังเกตอาการตัวเองทั้งก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่เสมอ  

2. การติดเชื้อราในช่องคลอด

อาการคัน แสบร้อนอวัยวะเพศ และตกขาวมีลักษณะสีขาวข้นหรือขาวขุ่นจับตัวเป็นก้อนอาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อราภายในช่องคลอดอันเป็นปัญหาที่พบมากในผู้หญิง ซึ่งเกิดจากการเพิ่มปริมาณมากเกินไปของเชื้อราหรือเชื้อในกลุ่มแคนดิดา (Candida) ที่ปกติจะอาศัยอยู่ในช่องคลอดโดยไม่ก่อโรค จนส่งผลให้สภาวะภายในช่องคลอดเสียสมดุลและเกิดการติดเชื้อราในที่สุด โดยมีปัจจัยกระตุ้นการเพิ่มจำนวนเชื้อ เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์ ภาวะอ้วน โรคเบาหวาน การตั้งครรภ์ การสวมชุดชั้นในที่คับแน่นหรืออับชื้น เป็นต้น    

3. ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียจะคล้ายกับการติดเชื้อแคนดิดาคือมีต้นเหตุมาจากความไม่สมดุลภายในช่องคลอด โดยจะมีปริมาณแบคทีเรียชนิดไม่ดีมากกว่าแบคทีเรียชนิดดี จนก่อให้เกิดการอักเสบและนำมาซึ่งอาการคัน อาการเจ็บในบางครั้ง ตกขาวผิดปกติหรือมีกลิ่นเหม็นคาวปลา ซึ่งแม้จะไม่เป็นอันตรายแก่ร่างกาย แต่มักสร้างความรำคาญใจได้ไม่น้อย

4. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

กามโรคหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รู้จักกันดี อย่างหนองในแท้ หนองในเทียม  หรือหูดที่อวัยวะเพศ เป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการคันอวัยวะเพศ ผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีตกขาวเป็นสีเหลืองหรือเขียว หรือรู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะร่วมด้วย แต่บางรายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา โดยโรคในกลุ่มนี้มักติดต่อกันผ่านการร่วมเพศทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทำออรัล เซ็กส์กับผู้ที่มีเชื้อ ซึ่งจะเสี่ยงอย่างมากในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและมีคู่นอนหลายคน 

5. โรคผิวหนัง

โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ทำให้ผิวหนังอักเสบแดง ตกสะเก็ดเป็นขุยสีขาว เป็นผื่นแดงหนา หรือผิวแห้งมากจนแตกและมีเลือดออก แม้ส่วนมากอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นบริเวณข้อศอกและหัวเข่า แต่ก็อาจเกิดบริเวณใกล้กับอวัยวะเพศได้ เช่นเดียวกันกับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่สร้างอาการผื่นคันและแดงตามผิวหนังแบบเป็น ๆ หาย ๆ และอาจเกิดกับอวัยวะเพศได้ในผู้หญิงบางราย

6. วัยหมดประจำเดือน

เนื่องจากวัยหมดประจำเดือนเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ผู้หญิงในวัยนี้จึงอาจประสบปัญหาผนังช่องคลอดบาง อันเป็นผลจากผนังช่องคลอดฝ่อตัวลง โดยผนังช่องคลอดจะบางลง มีอาการแห้ง อักเสบได้ง่าย และไม่ยืดหยุ่นเหมือนก่อน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการต่าง ๆ เช่น แสบร้อนบริเวณช่องคลอด มีตกขาว คันอวัยวะเพศ แสบขณะปัสสาวะ เป็นต้น 

นอกเหนือจากสาเหตุข้างต้น อาการคันอวัยวะเพศยังอาจเป็นผลมาจากสาเหตุอื่น ๆ อย่างความเครียดที่ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงและง่ายต่อการติดเชื้อ รวมถึงสาเหตุที่เป็นอันตรายอย่างมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก จนก่อเกิดเป็นก้อนเนื้อร้าย แต่สาเหตุทั้งสองอย่างนี้มักมีโอกาสเกิดได้ไม่มากนัก

วิธีบรรเทาอาการคันอวัยวะเพศ

อาการคันอวัยวะเพศเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุและแตกต่างไปในแต่ละคน จึงจำเป็นต้องเข้ารับการวินิจฉัยเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงเสียก่อน จากนั้นแพทย์จะพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วย เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส ยาต้านปรสิต ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน ยาสเตียรอยด์ หรือยาลดการอักเสบ เป็นต้น โดยในระหว่างนี้ สามารถดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศในชีวิตประจำวันได้ ดังนี้

  • ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น และการสวนล้างช่องคลอด
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่รัดแน่น และไม่สวมชุดชั้นในซ้ำ ๆ
  • สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง และไม่เปลี่ยนคู่นอนหลายคน
  • ไม่แกะเกาผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีความผิดปกตินอกเหนือจากนี้ มีอาการคันอวัยวะเพศนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีแผลหรือแผลพุพองบริเวณปากช่องคลอด รู้สึกเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ อวัยวะเพศบวมแดง มีปัญหาในการปัสสาวะ ตกขาวผิดปกติ หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยเร็ว