Trihexyphenidyl (ไตรเฮกซีเฟนิดิล)

Trihexyphenidyl (ไตรเฮกซีเฟนิดิล)

Trihexyphenidyl (ไตรเฮกซีเฟนิดิล) เป็นยาสำหรับรักษาโรคพาร์กินสัน รักษาอาการข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ เป็นการใช้ยาตามดุลยพินิจของแพทย์

Trihexyphenidyl

ยา Trihexyphenidyl มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Trihexyphenidyl

กลุ่มยา ยาต้านพาร์กินสัน
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ รักษาโรคพาร์กินสันและอาการข้างเคียงจากการใช้ยา
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
รูปแบบของยา ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Trihexyphenidyl

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ รวมถึงยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่กำลังใช้อยู่ทุกชนิด ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมียาหลายชนิดที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้
  • ห้ามเริ่มใช้ยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงปริมาณการใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  • แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากเป็นต้อหินชนิดมุมปิด เพราะอาจมีผลข้างเคียงทำให้สูญเสียการมองเห็นได้
  • ระหว่างใช้ยานี้ ผู้ป่วยต้องเข้ารับการตรวจความดันตาและตรวจวัดสายตาตามคำแนะนำของแพทย์
  • หลีกเลี่ยงการขับรถ การทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความระมัดระวังหรือต้องใช้การมองเห็นที่ชัดเจน เพราะยานี้อาจมีผลข้างเคียงที่ส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมดังกล่าว
  • ระหว่างใช้ยานี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และยาชนิดอื่น ๆ ที่อาจทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ช้าลง
  • ระหว่างใช้ยานี้ ควรระมัดระวังเมื่อใช้ในที่ที่อากาศร้อนและขณะออกกำลังกาย เพราะยานี้อาจทำให้เกิดโรคลมแดดได้
  • ผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ง่าย
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้ยานี้
  • ผู้ที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อบุตร

ปริมาณการใช้ยา Trihexyphenidyl

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

อาการผิดปกติของระบบประสาทที่ทำให้เกิดปัญหาด้านการเคลื่อนไหว (Parkinsonism)
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 1 มิลลิกรัม/วัน แล้วค่อย ๆ เพิ่มปริมาณยาครั้งละ 2 มิลลิกรัม ในช่วง 3-5 วันแรก จนถึง 6-10 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน 3-4 ครั้ง/วัน

สำหรับผู้ป่วยที่คาดว่าอาการเกิดจากการติดเชื้อ ให้รับประทานยาปริมาณ 12-15 มิลลิกรัม/วัน
ผู้สูงอายุ อาจต้องรับประทานยาในปริมาณที่น้อยลง

อาการเคลื่อนไหวผิดปกติที่เกิดจากการใช้ยา

ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 1 มิลลิกรัม/วัน และเพิ่มเป็น 5-15 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน 3-4 ครั้ง

ผู้สูงอายุ อาจต้องรับประทานยาในปริมาณที่น้อยลง

การใช้ยา Trihexyphenidyl

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องมีการปรับปริมาณการใช้ยา หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • รับประทานยาในขณะท้องว่างหรือพร้อมอาหาร หากยาทำให้เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนให้รับประทานยาพร้อมอาหาร
  • ควรดื่มน้ำเปล่าตามให้มาก ยกเว้นในกรณีที่แพทย์แนะนำให้ดื่มน้ำน้อย
  • ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
  • หากสงสัยว่าตนเองใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด เมื่อนึกขึ้นได้ให้ใช้ยาได้ทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป ห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • ควรเก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นจากแสงแดด ความชื้น ความร้อน และห่างจากสายตาเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ปรึกษาเภสัชกรถึงวิธีการกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้ว

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Trihexyphenidyl

การใช้ยา Trihexyphenidyl อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มองเห็นไม่ชัด ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน ท้องผูก ปากแห้ง ง่วงซึม กระวนกระวาย และตื่นเต้นได้ง่าย โดยหากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิต ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ หรือหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที

  • อาการแพ้ยา ได้แก่ ผื่น ลมพิษ คัน บวม แดง ตุ่มพุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ หายใจเสียงดัง แน่นหน้าอกหรือคอ มีปัญหาในการหายใจหรือพูด สียงแหบ หน้าบวม ปากบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม เป็นต้น
  • เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หรือหมดสติ
  • การมองเห็นผิดปกติ เจ็บตา หรือระคายเคืองตาอย่างรุนแรง
  • ตาดำขยาย
  • ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน ปวดท้องรุนแรง
  • มีไข้
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ ท้องผูก
  • เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีปัญหาด้านการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
  • ไม่มีเหงื่อออกขณะออกกำลังกายหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อน
  • มีอาการหลอน สับสน กระวนกระวาย
  • มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำ หรือสูญเสียความทรงจำ
  • มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ

นอกจากนี้ ยานี้อาจทำให้เกิดกลุ่มอาการเอ็นเอ็มเอส (Neuroleptic Malignant Syndrome: NMS) ซึ่งจะทำให้มีอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะรุนแรง มีไข้ กล้ามเนื้อเป็นตะคริว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว จังหวะหัวใจเต้นผิดปกติ สับสน หรือมีพฤติกรรมและความคิดเปลี่ยนแปลงไปได้ โดยเป็นอาการที่รุนแรงมากและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ทันที และหากพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน