Rituximab (ริทูซิแมบ)

Rituximab (ริทูซิแมบ)

Rituximab (ริทูซิแมบ) เป็นยารักษาโรคมะเร็ง ใช้รักษามะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน เป็นต้น โดยยาจะออกฤทธิ์ชะลอหรือยับยั้งการเจริญเติบโตและการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งในร่างกาย นอกจากนี้ ยังใช้รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ลดอาการปวดข้อหรือข้อบวม โรคหลอดเลือดอักเสบบางชนิด หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

1646 Rituximab resized

ยา Rituximab มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Rituximab

กลุ่มยา ยารักษามะเร็ง
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน และข้ออักเสบรูมาตอยด์
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด

คำเตือนในการใช้ยา Rituximab

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยา Rituximab หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติการใช้ยานี้ หรือเป็นโรคตับ ตับอักเสบ โรคไต โรคปอด มีความผิดปกติในการหายใจ ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ มีการติดเชืื้อ เช่น โรคเริม โรคงูสวัด โรคอีสุกอีใส ไวรัสตับอักเสบบีหรือซี เป็นต้น รวมถึงมีประวัติเป็นโรคหัวใจ เจ็บหน้าอก หรือมีความผิดปกติของจังหวะการเต้นหัวใจ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากกำลังใช้ยารักษารูมาตอยด์ เช่น ยาอะดาลิมูแมบ ยาโกลิมิวแมบ และยาอีทาเนอร์เซ็บต์ เป็นต้น เพราะยาดังกล่าวอาจทำปฏิกิริยากับยา Rituximab
  • ยานี้อาจทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคทางระบบประสาทพีเอ็มแอล (Progressive Multifocal Leukoencephalopathy: PML) โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติใช้ยากดภูมิคุ้มกันหรือมีการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ซึ่งจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการรับวัคซีนเชื้อเป็น (Live Vaccine) หรือหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อเป็นในระหว่างที่ใช้ยานี้ เพราะเสี่ยงได้รับเชื้อไวรัส เช่น หัดเยอรมัน คางทูม ไข้เหลือง โรคไข้อีสุกอีใส และงูสวัด เป็นต้น
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ ให้หลีกเลี่ยงการขับรถ การใช้เครื่องจักรที่เสี่ยงอันตราย หรือการทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว เพราะยาอาจทำให้เวียนศีรษะและทำให้เกิดอันตรายได้
  • ผู้สูงอายุเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงหรือเกิดความผิดปกติต่อหัวใจและปอดจากการใช้ยานี้ได้สูง
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้เสมอ เพราะการใช้ยานี้ในระหว่างที่ตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ นอกจากนั้น ผู้ป่วยต้องคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ในระหว่างที่ใช้ยานี้ หรืออย่างน้อย 12 เดือนหลังจากใช้ยานี้ครั้งสุดท้าย

ปริมาณการใช้ยา Rituximab

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin's Lymphoma)

ผู้ใหญ่ หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณ 375 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนังของร่างกาย 1 ตารางเมตร สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใน 4 ครั้งแรกให้ยาปริมาณ 50 มิลลิกรัม/ชั่วโมง และอาจเพิ่มขึ้นครั้งละ 50 มิลลิกรัม/ชั่วโมง ทุก 30 นาที หากผู้ป่วยสามารถทนต่อยาได้ อาจเริ่มหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณ 100 มิลลิกรัม/ชั่วโมง และอาจเพิ่มขึ้นครั้งละ 100 มิลลิกรัม/ชั่วโมง ทุก 30 นาที ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 400 มิลลิกรัม/ชั่วโมง

กรณีที่ใช้รักษาร่วมกับยาซัยโคลฟอสฟาไมด์ ยาวินคริสทีน และยาเพรดนิโซโลน สำหรับรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฟอลลิคูลา (Follicular Lymphoma) หรือใช้ร่วมกับยาซัยโคลฟอสฟาไมด์ ยาด็อกโซรูบิซิน ยาวินคริสทีน และยาเพรดนิโซโลน สำหรับรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Diffuse Large B-cell Lymphoma จะใช้ยาปริมาณ 375 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนังของร่างกาย 1 ตารางเมตร โดยให้ยาวันแรกในรอบของการทำเคมีบำบัดหลังการให้สเตียรอยด์ และให้ยาเป็นระยะเวลา 8 รอบเคมีบำบัดขึ้นไป

ส่วนผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาซัยโคลฟอสฟาไมด์ ยาวินคริสทีน และยาเพรดนิโซโลนเป็นระยะเวลา 6-8 รอบ และอาการของโรคไม่แย่ลง อาจใช้ยาปริมาณ 375 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนังของร่างกาย 1 ตารางเมตร/สัปดาห์ โดยแบ่งให้ยา 4 ครั้ง และอาจให้ยาซ้ำทุก 6 เดือน แต่ต้องให้ยาสูงสุดไม่เกิน 16 ครั้ง

ปริมาณยาสำหรับควบคุมอาการ ให้ยาปริมาณ 375 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนังของร่างกาย 1 ตารางเมตร/ครั้ง โดยให้ยาทุก 3 เดือนในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการเริ่มต้นรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือให้ยาทุก 2 เดือนหลังเริ่มต้นรักษาด้วยเคมีบำบัดครั้งสุดท้าย ระยะเวลาในการใช้ยาสูงสุดไม่เกิน 2 ปี

ข้ออักเสบรูมาตอยด์

ผู้ใหญ่ หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณ 1 กรัม 2 ครั้ง โดยเว้นระยะ 2 สัปดาห์ และใช้ร่วมกับยาเมโธเทรกเซท อาจให้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ก่อนในแต่ละครั้้งที่ให้ยา เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงและอาการรุนแรงจากการหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ

มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง

ผู้ใหญ่ ฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ 375 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนังของร่างกาย 1 ตารางเมตร โดยให้ยาก่อนรักษาด้วยเคมีบำบัดในรอบแรก และตามด้วยฉีดยาปริมาณ 500 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนังของร่างกาย 1 ตารางเมตร ในวันแรกของการรักษาด้วยเคมีบำบัดในรอบที่ 2-6

การใช้ยา Rituximab

  • ใช้ยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • แพทย์จะตรวจเลือดก่อนใช้ยา เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ยานี้ รวมไปถึงในระหว่างที่ใช้ยานี้ ผู้ป่วยก็อาจต้องได้รับการตรวจเลือดอยู่บ่อยครั้ง
  • ก่อนการใช้ยา Rituximab แต่ละครั้ง แพทย์อาจให้ใช้ยาชนิดอื่นเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา
  • ระหว่างที่ใช้ยาและหลังจากการใช้ยานี้ แพทย์อาจต้องตรวจการทำงานของตับอยู่บ่อยครั้ง เพราะในผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีอาจเสี่ยงกลับมาป่วยอีกครั้งหรือมีอาการแย่ลงได้
  • หากผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดในระหว่างที่ใช้ยา Rituximab ให้แจ้งกับแพทย์ผู้รักษาก่อนว่ากำลังใช้ยานี้

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Rituximab

การใช้ยา Rituximab อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดตามตัว ปวดข้อ รู้สึกเหนื่อย เป็นหวัด จาม เจ็บคอ และคัดจมูก เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์

หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Rituximab ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและแจ้งแพทย์ทันที

  • อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ใบหน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม หรือคอบวม เป็นต้น
  • อาการข้างเคียงที่อาจเกิดในระหว่างที่ให้ยา เช่น เวียนศีรษะ อ่อนแรง คัน หายใจไม่อิ่ม แน่นหน้าอก หายใจมีเสียง ไอ และใจสั่น เป็นต้น
  • ภาวะเกล็ดเลือดน้อย ภาวะเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟต่ำ และภาวะโลหิตจาง
  • ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจเกิดหลังจากที่ได้รับยาหรือหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น เช่น มีไข้ หนาวสั่น มีอาการหวัดทั่วไป เจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ เจ็บผิวหนัง มีแผลในปาก มีอาการผื่นผิวหนังรุนแรงพร้อมกับมีรอยช้ำ ผิวซีด หรือมีตุ่มหนอง ผิวแดง บวม หรือรู้สึกอุ่น ๆ เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ ปวดท้องรุนแรง ท้องผูก อุจจาระปนเลือดหรือมีสีเหมือนยางมะตอย เป็นต้น
  • มีการติดเชื้อในสมองหรือไขสันหลัง ซึ่งอาจทำให้มีอาการ เช่น สับสน มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำ มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจ ร่างกายอ่อนแรงครึ่งซีก การมองเห็นเปลี่ยนแปลง มีปัญหาในการเดินหรือการพูด เป็นต้น