Olanzapine (โอแลนซาปีน)

Olanzapine (โอแลนซาปีน)

Olanzapine (โอแลนซาปีน) ยารักษาอาการทางจิตเวช ออกฤทธิ์ช่วยฟื้นฟูความสมดุลของสารเคมีในสมอง นำมาใช้รักษาอาการที่เกิดจากโรคจิตเภท โรคไบโพลาร์ หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

1652 Olanzapine resized

ยา Olanzapine มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Olanzapine

กลุ่มยา ยารักษาอาการทางจิต
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ ใช้ควบคุมและรักษาอาการทางจิต
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Olanzapine

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ และแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Olanzapine หากมีภาวะความดันโลหิตสูงหรือต่ำ ปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำ ระดับไขมันคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์สูง เป็นโรคเบาหวานหรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ เป็นโรคลมชักหรือมีอาการชัก ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ต่อมลูกหมากโต ปัสสาวะลำบาก มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ โรคต้อหินมุมแคบ โรคตับ โรคหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งเต้านม
  • การใช้ยา Olanzapine ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติรุนแรง โดยความเสี่ยงจะสูงขึ้นในเพศหญิงและผู้สูงอายุ
  • แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
  • ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การขับรถ การใช้เครื่องจักร และการทำกิจกรรมที่ต้องอาศัยความตื่นตัว เพราะยาอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะหรือง่วงซึมได้
  • ผู้ป่วยควรป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ หรือไม่ให้ร่างกายร้อนเกินไป โดยให้ดื่มน้ำในปริมาณมาก เพราะยาอาจทำให้ร่างกายร้อนหรือมีภาวะขาดน้ำได้ง่าย
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ ให้หลีกเลี่ยงการลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอนอย่างรวดเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตรควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้ และใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
  • หญิงตั้งครรภ์ที่ใช้ยานี้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงทำให้ทารกแรกเกิดมีอาการ เช่น กล้ามเนื้อแข็งเกร็งหรือสั่น ง่วงซึม หายใจหรือรับประทานอาหารลำบาก ร้องไห้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ซึ่งหากพบอาการดังกล่าว ให้แจ้งแพทย์โดยทันที
  • ห้ามให้นมบุตรระหว่างที่ใช้ยานี้ เพราะยาสามารถซึมเข้าสู่น้ำนมมารดาและเป็นอันตรายต่อบุตรได้
  • ผู้ป่วยวัยรุ่นและผู้สูงอายุมักเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาชนิดนี้ได้สูง
  • ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมอาจมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้สูงเมื่อใช้ยานี้
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยา เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้

ปริมาณการใช้ยา Olanzapine

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

ควบคุมอาการกระสับกระส่ายและพฤติกรรมไม่เหมาะสมในผู้ป่วยโรคจิตเภท หรืออาการแมเนียในผู้ป่วยโรคไบโพลาร์
ผู้ใหญ่
ฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดปริมาณเริ่มต้น 5-10 มิลลิกรัม และอาจให้ยาซ้ำปริมาณ 5-10 มิลลิกรัม หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง ส่วนปริมาณของยาชนิดรับประทานเมื่อใช้ร่วมกับยาฉีดสูงสุดต้องไม่เกิน 20 มิลลิกรัม/วัน โดยผู้ป่วยสามารถฉีดยาได้สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง และอาจได้ฉีดยาสูงสุดไม่เกิน 3 วัน ทั้งนี้ ควรปรับเปลี่ยนเป็นการใช้ยาชนิดรับประทานให้เร็วที่สุด

รักษาโรคจิตเภท
ผู้ใหญ่
รับประทานยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/วัน ปรับเปลี่ยนปริมาณยาตามการตอบสนองต่อยาในช่วงระยะเวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง ในอัตรา 5-20 มิลลิกรัม/วัน

รักษาอาการของโรคไบโพลาร์ที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน
ผู้ใหญ่
รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 10 หรือ 15 มิลลิกรัม/วัน โดยใช้ยาตัวเดียว หรือรับประทานยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/วัน โดยใช้ยาร่วมกัน และเพิ่มหรือลดปริมาณยา 5 มิลลิกรัม ในช่วงระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง โดยใช้ยาไปจนถึงปริมาณ 5-20 มิลลิกรัม/วัน

การใช้ยา Olanzapine

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • สามารถรับประทานยา Olanzapine พร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
  • ห้ามหยุดใช้ยาอย่างกะทันหันด้วยตนเองแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
  • ยา Olanzapine อาจทำให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ ผู้ป่วยอาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง โดยเฉพาะในผู้ป่วยวัยรุ่น ซึ่งอาจต้องได้รับการตรวจเลือดอยู่บ่อยครั้ง และควรไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ
  • หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป และไม่เพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • เก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ให้พ้นจากแสงแดดและความร้อน

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Olanzapine

การใช้ยา Olanzapine อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีความอยากอาหารมากขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ง่วงซึม เหนื่อย กระสับกระส่าย มีปัญหาเกี่ยวกับการพูดหรือความทรงจำ สั่น กระตุก เป็นเหน็บชา มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป ปากแห้ง ปวดท้อง ท้องผูก ปวดแขนและขา เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์

หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Olanzapine ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที

  • อาการแพ้ยา เช่น เป็นลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม คอบวม ลิ้นบวม มีผื่นคัน มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองบวม มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด มีรอยช้ำ เป็นต้น
  • ภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจมีอาการ เช่น กระหายน้ำ รู้สึกร้อนมาก ปัสสาวะไม่ออก เหงื่อออกมาก ผิวแห้งหรือผิวร้อน เป็นต้น
  • ตับผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการ เช่น ปวดท้องส่วนบน เบื่ออาหาร คัน ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีคล้ายโคลน และมีภาวะดีซ่าน เป็นต้น
  • ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งอาจมีอาการ เช่น กระหายน้ำ หิวมาก ปัสสาวะมากขึ้น ปากแห้ง ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้ ง่วงซึม ผิวแห้ง มองเห็นไม่ชัด น้ำหนักตัวลดลง เป็นต้น
  • มีปฏิกิริยาทางระบบประสาทที่รุนแแรง เช่น กล้ามเนื้อเกร็งอย่างมาก มีไข้สูง มีเหงื่อออก สับสน หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ สั่น หรือรู้สึกคล้ายจะหมดสติ เป็นต้น
  • อ่อนแรงอย่างกะทันหัน รู้สึกไม่สบาย มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ เหงือกบวม เจ็บแผลในปาก มีแผลที่ผิวหนัง ไอ มีอาการไข้หรือหวัด
  • ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใบหน้าได้
  • กลืนหรือพูดลำบาก
  • มือหรือเท้าบวม
  • สับสน มีความคิดหรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หลอน หรือมีความคิดทำร้ายตัวเอง

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน