Isavuconazonium Sulfate (ไอซาวูโคนาโซเนียม ซัลเฟต)

Isavuconazonium Sulfate (ไอซาวูโคนาโซเนียม ซัลเฟต)

Isavuconazonium Sulfate (ไอซาวูโคนาโซเนียม ซัลเฟต) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อราแอสเปอร์ จิลลัส (Aspergillus) โรคติดเชื้อรามิวคอร์ไมโคซิส (Mucormycosis) และอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งอาการติดเชื้อดังกล่าวพบได้มากในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ป่วยโรคปอด

ตัวยาจะทำหน้าที่รบกวนการสร้างเออร์โกสเตอรอล (Ergosterol) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อรา ทำให้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อดังกล่าว สำหรับรูปแบบยาไอซาวูโคนาโซเนียม ซัลเฟต มีทั้งยารับประทานรูปแบบแคปซูลและยาฉีดเข้าสำหรับหยดยาเข้าเส้นเลือดดำ

Isavuconazonium sulfate

เกี่ยวกับยา Isavuconazonium Sulfate

กลุ่มยา ยาต้านเชื้อรา
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาอาการอักเสบจากเชื้อรา
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน ยาฉีด
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์
และผู้ให้นมบุตร
Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ และผู้ที่ให้นมบุตรอยู่ไม่ควรใช้ยานี้ เนื่องจากยาอาจปะปนกับน้ำนมได้

คำเตือนในการใช้ยา Isavuconazonium Sulfate

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติการแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยานี้ โดยเฉพาะยาในกลุ่มต้านเชื้อรา อย่างยาฟลูโคนาโซล ยาไอทราโคนาโซล หรือยาคีโตโคนาโซล  
  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยา สมุนไพร หรือวิตามินที่กำลังใช้อยู่ เพราะอาจเกิดปฏิกิริยากับยานี้จนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ เช่น ยาคาร์บามาซีปีน ยาฟีโนบาร์บิทัล ยาไรแฟมพิซิน หรือยารีโทรนาเวียร์ที่ใช้ในปริมาณสูง เป็นต้น
  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคตับ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวมีประวัติอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับความผิดปกติของในการเต้นของหัวใจ
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของหัวใจที่สามารถเห็นได้ผ่านคลื่นไฟฟ้าแบบ Short QT Syndrome ไม่ควรใช้ยาชนิดนี้
  • ก่อนเข้ารับการผ่าตัดควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่กำลังใช้อยู่
  • ยา Isavuconazonium Sulfate อาจทำให้เกิดการขับยาชนิดอื่น ๆ ออกช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยยาที่ได้รับผลกระทบ เช่น ยาโลมิทาไพด์ (Lomitapide) ยาไซมิพรีเวียร์ (Simeprevir) หรือยาโทลวาปแทน (Tolvaptan) เป็นต้น
  • ควรระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ การใช้เครื่องจักร หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความตื่นตัว เนื่องจากยา Isavuconazonium Sulfate อาจส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนและหน้ามืด
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติดในระหว่างใช้ยานี้อาจส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนหรือหน้ามืดรุนแรงกว่าปกติ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์หรือตั้งครรภ์ในระหว่างรับการรักษา เนื่องจากยานี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
  • ไม่ควรใช้ยาชนิดนี้ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

ปริมาณการใช้ยา Isavuconazonium Sulfate

รูปแบบ ปริมาณ และระยะเวลาการใช้ยาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละรายและดุลยพินิจของแพทย์ โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

รักษาโรคแอสเปอร์จิลโลสิสแบบรุกราน
ตัวอย่างการใช้ยาในการรักษาโรคแอสเปอร์จิลโลสิสแบบรุกราน

ผู้ใหญ่ เริ่มต้นฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำหรือรับประทานยาปริมาณ 372 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง จำนวน 6 ครั้ง หลังจากนั้นปรับเป็นปริมาณ 372 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง

รักษาโรคมิวคอร์ไมโคซิสแบบรุกราน
ตัวอย่างการใช้ยาในการรักษาโรคมิวคอร์ไมโคซิสแบบรุกราน

ผู้ใหญ่ เริ่มต้นฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำหรือรับประทานยาปริมาณ 372 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง จำนวน 6 ครั้ง หลังจากปรับเป็นปริมาณ 372 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง 

การใช้ยา Isavuconazonium Sulfate

วิธีการใช้ยาอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด มีดังนี้

  • ใช้ยาตามฉลากและคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ยามากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์กำหนดไว้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • ในกรณีที่เป็นยาฉีด แพทย์หรือพยาบาลจะเป็นผู้ฉีดยาให้แก่ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ห้ามฉีดยาเองหากไม่ทราบขั้นตอนและวิธีการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
  • ห้ามเริ่มใช้ยา หยุดยา หรือปรับเปลี่ยนปริมาณการใช้ยา ยกเว้นเป็นคำสั่งจากแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • ไม่ควรเคี้ยว บด ละลาย เปิดแคปซูลก่อนการใช้ยา หรือรับประทานยาตามวิธีที่แพทย์แนะนำ
  • รับประทานยาพร้อมหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้
  • ควรใช้ยาในช่วงเวลาที่ห่างเท่า ๆ กัน เพื่อให้ปริมาณยาในร่างกายคงที่
  • ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนครบตามคำสั่งแพทย์ ห้ามหยุดยาด้วยตนเองแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม 
  • เก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ห่างจากความชื้นและความร้อน
  • ห้ามแกะยาออกจากบรรจุภัณฑ์เดิมจนกว่าจะมีการใช้ยา และรับประทานยาทันทีหลังจากแกะออกจากบรรจุภัณฑ์
  • หากลืมรับประทานยา ให้ผู้ป่วยรับประทานทันทีที่นึกได้ หากใกล้เวลาที่ต้องรับประทานครั้งถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามปกติ ห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่าเพื่อทดแทน
  • กรณีที่ผู้ป่วยลืมฉีดยาให้ติดต่อขอคำปรึกษาจากแพทย์
  • หากสงสัยว่าตนเองใช้ยาเกินกว่าที่แพทย์กำหนด ควรรีบพบแพทย์ทันทีและแจ้งให้แพทย์ทราบถึงชนิดยาที่ใช้ ปริมาณ และช่วงเวลาที่คาดว่ามีการใช้ยาเกินขนาด
  • ห้ามใช้ยาร่วมกับผู้อื่น 
  • ทิ้งยาเมื่อไม่ใช้ยาแล้วหรือยาหมดอายุ 

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Isavuconazonium Sulfate

ยา Isavuconazonium Sulfate มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น มีอาการวิงเวียน ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียหรือท้องผูก ไอ หายใจลำบาก บวมบริเวณแขนหรือขา เจ็บหลัง ค่าตับผิดปกติ บางรายอาจมีอาการระคายเคืองบริเวณผิวในกรณีที่ได้รับยาชนิดฉีด เป็นต้น หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวควรแจ้งให้แพทย์ทราบ 

ในกรณีที่ได้รับผลข้างเคียงรุนแรงจากการใช้ยา ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและพบแพทย์ทันที โดยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกี่ยวกับตับ เช่น ปวดบริเวณท้องช่วงบน มีอาการคัน รู้สึกอ่อนแรง วิงเวียน เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระคล้ายดินเหนียว และมีอาการของโรคดีซ่าน
  • โพแทสเซียมต่ำ เช่น ขาเป็นตะคริว ท้องผูก หัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น กระหายน้ำอย่างรุนแรง ปัสสาวะบ่อย มีอาการเหน็บชา กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือไม่มีแรง
  • ความผิดปกติบริเวณผิวหนังอย่างรุนแรง เช่น มีไข้ เจ็บคอ บวมบริเวณหน้าหรือลิ้น แสบตาอย่างหนัก ก่อนจะมีรอยแดงหรือม่วงซึ่งจะกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะบริเวณหน้าหรือร่างกายส่วนบน ทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก

ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่ได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากผู้ป่วยมีอาการอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ได้ยกตัวอย่างไว้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ