Albendazole (อัลเบนดาโซล)
Albendazole (อัลเบนดาโซล) เป็นยารักษาการติดเชื้อที่เกิดจากพยาธิตัวกลมทุกชนิด เช่น พยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ พยาธิเส้นด้าย และพยาธิแส้ม้า เป็นต้น โดยยาจะออกฤทธิ์ด้วยการทำให้พยาธิไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลในร่างกายไปใช้ จนพยาธิไม่มีพลังงานและตายลงในที่สุด
เกี่ยวกับ Albendazole
กลุ่มยา | ยาถ่ายพยาธิ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาโรคพยาธิทุกชนิด |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาเม็ด |
คำเตือนการใช้ยา Albendazole
- ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หญิงที่ตั้งครรภ์หรือกำลังวางแผนมีบุตรต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ และตลอดการใช้ยาควรมีการคุมกำเนิดจนกระทั่งหยุดใช้ยาไปแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นระหว่างนี้ต้องรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- หญิงที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- ยานี้เป็นยาที่สั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น ห้ามแบ่งให้ผู้อื่นรับประทานโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- ผู้ที่แพ้ยาอัลเบนดาโซลหรือส่วนผสมภายในยา รวมถึงยาชนิดอื่นที่คล้ายกัน เช่น มีเบนดาโซล (Mebendazole) ไม่ควรใช้ยานี้
- ผู้ป่วยโรคตับหรือเคยมีประวัติป่วยเป็นโรคตับ โรคจอประสาทตา รวมทั้งผู้ที่มีภาวะไขกระดูกทำงานผิดปกติ เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัดใด ๆ ไม่เว้นแม้แต่การผ่าตัดทางทันตกรรมควรแจ้งให้แพทย์ที่ให้การรักษาทราบว่ากำลังใช้ยานี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงยา สมุนไพร วิตามิน หรืออาหารเสริมใด ๆ ที่กำลังใช้หรือคิดจะใช้ โดยเฉพาะยาทีโอฟิลลีน (Theophylline) ไซเมทิดีน (Cimetidine) เดกซาเมธาโซน (Dexamethasone) และพราซิควอนเทล (Praziquantel) แพทย์อาจต้องเปลี่ยนปริมาณยาที่ใช้หรือเฝ้าดูผลข้างเคียงจากการใช้ยาอย่างใกล้ชิด
- ผู้ที่ใช้ยาอัลเบนดาโซลเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากไข่ของพยาธิตัวตืด แพทย์อาจให้รับประทานยาอื่นร่วมด้วยเพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบประสาทที่จะเกิดขึ้นระหว่างการรักษา ทั้งนี้หากมีอาการชัก อาเจียน ปวดศีรษะ อ่อนเพลียอย่างมาก หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงควรไปพบแพทย์ทันที
- ผู้ใช้ยาอาจจำเป็นต้องตรวจเลือดบ่อย ๆ เนื่องจากยานี้สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงได้ โดยควรตรวจเลือดทุก 2 สัปดาห์ เพื่อดูการทำงานของตับ
ปริมาณการใช้ยา Albendazole
รักษาโรคพยาธิไฮดาติด (Echinococcosis) ในกรณีที่เป็นถุงน้ำในตับ ปอด ช่องท้อง โดยมีสาเหตุมาจากถุงซีสต์ของพยาธิตัวตืด
เด็กและผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 60 กิโลกรัม รับประทาน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง ปริมาณสูงสุดที่รับประทานไม่ควรเกิน 800 มิลลิกรัม/วัน รับประทานติดต่อกัน 28 วัน จำนวน 3 รอบ แต่ละรอบเว้นระยะห่าง 14 วัน
เด็กและผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 60 กิโลกรัม รับประทาน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง ปริมาณสูงสุดที่รับประทานไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัม/วัน รับประทานติดต่อกัน 28 วัน จำนวน 3 รอบ แต่ละรอบเว้นระยะห่าง 14 วัน
รักษาโรคจากไข่พยาธิตัวตืด (Neurocysticercosis) กรณีที่มีอาการทางสมอง
เด็กและผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 60 กิโลกรัม รับประทาน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง ปริมาณสูงสุดที่รับประทานไม่ควรเกิน 800 มิลลิกรัม/วัน รับประทานติดต่อกัน 8-30 วัน
เด็กและผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 60 กิโลกรัม รับประทาน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง ปริมาณสูงสุดที่รับประทานไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัม/วัน รับประทานติดต่อกัน 8-30 วัน
ผู้ป่วยโรคนี้ยังควรได้รับยาสเตียรอยด์และยาต้านอาการชัก โดยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบรับประทานและแบบฉีดจะช่วยป้องกันภาวะความดันในสมองสูงที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงสัปดาห์แรกของการรักษา
รักษาโรคพยาธิชอนไชผิวหนัง (Cutaneous Larva Migrans)
ผู้ใหญ่รับประทานวันละ 400 มิลลิกรัม เป็นเวลา 3-7 วัน
เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน
รักษาโรคพยาธิไส้เดือน (Ascariasis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม เพียง 1 ครั้ง
รักษาโรคพยาธิเข็มหมุดหรือพยาธิเส้นด้าย (Pinworm Infection)
ผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม เพียง 1 ครั้ง แล้วรับประทานซ้ำในอีก 2 สัปดาห์ถัดมา
เด็กน้ำหนักน้อยกว่า 20 กิโลกรัม รับประทาน 200 มิลลิกรัม เพียง 1 ครั้ง แล้วรับประทานซ้ำในอีก 2 สัปดาห์ถัดมา
เด็กน้ำหนักมากกว่า 20 กิโลกรัม รับประทาน 400 มิลลิกรัม เพียง 1 ครั้ง แล้วรับประทานซ้ำในอีก 2 สัปดาห์ถัดมา
รักษาโรคเท้าช้าง (Filariasis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 10 วัน
รักษาโรคพยาธิปากขอ (Hookworm Infection)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม เพียง 1 ครั้ง
รักษาโรคลำไส้อักเสบ (Enterocolitis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม เพียง 1 ครั้ง
โรคพยาธิสตรองจิลอยด์ (Strongyloidiasis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
โรคทริคิโนซิส (Trichinosis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8-14 วัน
โรคพยาธิทริโคสตรองจิลอยด์ (Trichostrongylosis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม เพียง 1 ครั้ง เด็กรับประทานพร้อมอาหาร
โรคพยาธิแส้ม้า (Whipworm Infection)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน
โรคพยาธิแคพิลลาเรีย (Capillariasis)
เด็กและผู้ใหญ่ รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 10 วัน
โรคพยาธิตัวจี๊ด (Gnathostomiasis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 21 วัน
โรคพยาธิตืดหมู (Cysticercus cellulosae)
ผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8-30 วัน
เด็กรับประทาน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8-30 วัน ปริมาณสูงสุดที่รับประทานไม่ควรเกิน 800 มิลลิกรัม/วัน
โรคไมโครสปอริดิโอซิส (Microsporidiosis)
ผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
เด็กรับประทาน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง ปริมาณสูงสุดที่รับประทานไม่ควรเกิน 800 มิลลิกรัม/วัน
โรคพยาธิตัวกลมในสุนัขและแมว (Toxicariasis)
เด็กและผู้ใหญ่รับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
การใช้ยา Albendazole
- เป็นยารับประทานพร้อมมื้ออาหาร
- รับประทานยาตามปริมาณและระยะเวลาที่แนะนำบนฉลาก ไม่รับประทานมากเกิน น้อยเกิน หรือนานกว่าระยะเวลาที่กำหนด
- กรณีที่ลืมรับประทานยาให้รับประทานทันที หรือข้ามไปรับประทานมื้อต่อไปหากใกล้ถึงเวลาแล้ว ห้ามเพิ่มปริมาณยาทดแทน
- เด็กหรือผู้ที่ไม่สามารถกลืนยาอัลเบนดาโซลลงไปทั้งเม็ดได้สามารถบดหรือเคี้ยวยาก่อนกลืนแล้วดื่มน้ำเปล่าตาม
- ยานี้ควรรับประทานให้ครบตามกำหนด เพราะแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วแต่เชื้อก็อาจยังไม่ถูกกำจัดจนหมดดี การหยุดใช้ยาก่อนกำหนดอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ดื้อยาปฏิชีวนะได้
- แพทย์อาจสั่งจ่ายยาชนิดอื่นให้รับประทานด้วย เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากยาอัลเบนดาโซลหรือผลกระทบที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีพยาธิตายในร่างกาย
- หากระหว่างการใช้ยามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เนื่องจากปริมาณการใช้ยาอัลเบนดาโซลนั้นขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ใช้
- ระหว่างใช้ยาควรเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อ และแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีเมื่อพบว่าตนเองมีอาการติดเชื้อ
- ยานี้ควรเก็บรักษาที่อุณภูมิห้อง ห่างจากความร้อนและความชื้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Albendazole
หากมีอาการบ่งบอกถึงการแพ้ยา ได้แก่ หายใจลำบาก ลมพิษ มีอาการบวมที่ลิ้น ริมฝีปาก ใบหน้า หรือลำคอ ให้ไปพบแพทย์โดยด่วน ส่วนผลข้างเคียงจากการใช้ยาชนิดรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ ไขกระดูกทำงานผิดปกติและตับอักเสบ ผู้ใช้ยาควรรีบไปพบแพทย์หากมีอาการใด ๆ ต่อไปนี้
-
อาการที่บ่งบอกถึงภาวะไขกระดูกทำงานผิดปกติ คือ
- รู้สึกอ่อนแรงคล้ายไม่สบาย
- มีไข้ หนาวสั่น
- แผลที่ปาก เหงือกบวมหรือแดง
- เจ็บคอ กลืนลำบาก
- ฟกช้ำหรือมีเลือดออกง่าย
-
อาการที่บ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับตับ ได้แก่
- อาการคัน
- ปวดท้องบริเวณส่วนบน
- คลื่นไส้
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่อยากอาหาร
- ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระสีคล้ายดิน
- ดีซ่าน (ผิวหรือตาเป็นสีเหลือง)
อัลเบนดาโซลยังอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย ดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
- ปวดศีรษะ
- วิงเวียนศีรษะ
- ผมร่วงชั่วขณะ