โซเดียมไบคาร์โบเนต

โซเดียมไบคาร์โบเนต

โซเดียมไบคาร์โบเนต (Sodium Bicarbonate) มีทั้งชนิดสารละลายที่ใช้ในโรงพยาบาลสำหรับรักษาภาวะเลือดเป็นกรดขั้นรุนแรง และชนิดเม็ดที่ใช้โดยทั่วไปสำหรับช่วยลดสภาวะกรดในกระเพาะอาหารและบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย หรือบางครั้งแพทย์อาจใช้รักษาโรคบางชนิดเพื่อปรับให้ปัสสาวะของผู้ป่วยมีสภาวะเป็นกรดน้อยลง ซึ่งในที่นี้จะเป็นการกล่าวถึงโซเดียมไบคาร์โบเนตชนิดเม็ดนี้เป็นหลัก

โซเดียมไบคาร์โบเนต

เกี่ยวกับยาโซเดียมไบคาร์โบเนต

กลุ่มยา ยาลดกรด
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาหาซื้อได้ตามร้านขายยา
สรรพคุณ รักษาภาวะเลือดเป็นกรด ปรับปัสสาวะให้เป็นด่าง บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
รูปแบบของยา ยาเม็ด สารละลาย

คำเตือนการใช้ยาโซเดียมไบคาร์โบเนต

  • ห้ามใช้ยาโซเดียมไบคาร์โบเนตชนิดเม็ดในกรณีที่มีภาวะต่อไปนี้
    • มีอาการแพ้ส่วนประกอบในยาโซเดียมไบคาร์โบเนต
    • ป่วยด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบหรือลำไส้อุดตัน
    • ผู้ที่ต้องควบคุมอาหารด้วยการรับประทานอาหารโซเดียมต่ำ
    • มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ ภาวะปอดบวมน้ำ
    • มีภาวะด่างเกินจากการหายใจ (Respiratory Alkalosis) หรือภาวะด่างเกินจากกระบวนการเผาผลาญ (Metabolic Alkalosis)
    • มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะคลอไรด์ในเลือดต่ำ (Hypochlorhydria)
  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับโรคหรือภาวะใด ๆ ที่เผชิญอยู่ โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้
    • หญิงตั้งครรภ์ กำลังวางแผนมีบุตร หรือหญิงที่ต้องให้นมบุตร และหากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นระหว่างใช้ยาควรต้องปรึกษาแพทย์เช่นกัน
    • มีอาการแพ้ยา อาหาร หรือสารใด ๆ
    • เคยมีประวัติเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือทางเดินอาหาร
    • ผู้ที่ป่วยด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว โรคตับ โรคไต ภาวะบวมน้ำ หรือมีเลือดออกทางทวารหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบถึงยารักษาโรค อาหารเสริม หรือสมุนไพรชนิดใดก็ตามที่กำลังใช้ เพราะยารักษาโรคบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับโซเดียมไบคาร์โบเนตได้ โดยเฉพาะยาต่อไปนี้
    • ยากลุ่มซิมพาโทมิเมติค (Sympathomimetics) เช่น ซูโดเอฟีดรีน (Pseudoephedrine) หรือยาลดความอ้วน (Anorexiants) เช่น เฟนเทอร์มีน (Phentermine) ที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงมากขึ้นเมื่อรับประทานร่วมกับยาเม็ดโซเดียมไบคาร์โบเนต
    • ยาที่อาจออกฤทธิ์ได้น้อยลงเมื่อใช้ร่วมกับโซเดียมไบคาร์โบเนต ได้แก่ ยาต้านเชื้อรากลุ่มเอโซล เช่น ฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ยาต้านจุลชีพกลุ่มเซฟาโลสปอริน เช่น เซฟาเลกซิน (Cephalexin) ยาลิเทียม (Lithium) หรือยากลุ่มเตตราไซคลีน เช่น ดอกซีไซคลีน (Doxycycline)
  • การใช้ยานี้ในผู้สูงอายุควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยาได้ง่าย

ปริมาณการใช้ยาโซเดียมไบคาร์โบเนต

ยาโซเดียมไบคาร์โบเนตในไทยมีทั้งรูปแบบยาเม็ด (Sodamint 300 มิลลิกรัม) และสารละลายให้ทางหลอดเลือดดำ ได้แก่ 7.5% Sodiumbicarbonate Injection (0.89 มิลลิอิควิวาเลนท์/มิลลิลิตร ขนาด 10 มิลลิลิตร และ 50 มิลลิลิตร) ซึ่งการรักษาภาวะเลือดเป็นกรดในขั้นวิกฤติจะใช้เฉพาะยารูปแบบสารละลายให้ทางหลอดเลือดดำเท่านั้น

การฉีดสารละลายโซเดียมไบคาร์โบเนต

ภาวะเลือดเป็นกรดขั้นรุนแรง

ภาวะพิษต่อหัวใจ (Cardiotoxicity) จากยาโซเดียมแชนแนลบล็อกเกอร์ (Sodium Channel Blocker) ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำพร้อมกันทีเดียว 1-2 มิลลิอิควิวาเลนท์/กิโลกรัม ในเวลา 1-2 นาที แล้วติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หากภายใน 5 นาทียังผิดปกติอยู่ สามารถให้ซ้ำได้ โดยให้ค่า pH ของสารอยู่ที่ 7.45-7.55

ปรับปัสสาวะให้เป็นด่าง ผสมโซเดียมไบคาร์โบเนต 7.5% 150 มิลลิลิตร ในสารละลายน้ำตาลเด็กซ์โตสความเข้มข้น 5% 1000 มิลลิลิตร หยดทางหลอดเลือดดำในอัตรา 2-3 มิลลิลิตร/กิโลกรัม/ชั่วโมง (อาจให้ช้าลงในรายผู้สูงอายุ ผู้ป่วย โรคหัวใจและผู้ป่วยโรคไต) ติดตามค่า pH ของปัสสาวะให้อยู่ในระดับ 7.5-8 และระวังภาวะด่างในเลือด คงค่า pH ของสารไม่ให้ เกิน 7.55 โดยเฝ้าระวังให้โปแตสเซียมในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ยาโซเดียมไบคาร์โบเนตชนิดเม็ด

ภาวะเลือดเป็นกรดเรื้อรัง

ผู้ใหญ่ ให้ยาโซเดียมไบคาร์โบเนตวันละ 4.8 กรัม หรือมากกว่านี้หากจำเป็น

ผู้สูงอายุ อาจต้องมีการปรับปริมาณยา

ปรับปัสสาวะให้เป็นด่าง

ผู้ใหญ่ สำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์เรื้อรัง รับประทานยานี้เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไตจากการมีกรดยูริกในปัสสาวะสูง วันละ 10 กรัม โดยแบ่งปริมาณรับประทานและดื่มน้ำตาม

ผู้สูงอายุ อาจต้องมีการปรับปริมาณยา

อาการอาหารไม่ย่อย (Dyspepsia)

ผู้ใหญ่ รับประทาน 1-5 กรัมโดยละลายในน้ำ เมื่อมีอาการ

ผู้สูงอายุ อาจต้องมีการปรับปริมาณยา

การใช้ยาโซเดียมไบคาร์โบเนต

  • ยานี้ควรใช้ตามคำสั่งของแพทย์และปฏิบัติตามฉลากแนะนำการใช้ยาอย่างเคร่งครัด
  • สอบถามแพทย์หากมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับวิธีใช้ยา
  • ยาโซเดียมไบคาร์โบเนตชนิดเม็ดอาจรับประทานพร้อมมื้ออาหารหรือระหว่างมื้ออาหารก็ได้
  • ยานี้เมื่อลืมรับประทานเป็นเวลานานตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปจะไม่มีผลลัพธ์ใด ๆ ต้องกังวล แต่หากแพทย์แนะนำให้รับประทานยานี้ ควรรับประทานเป็นประจำทุกวันตามกำหนด
  • หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หรือแย่ลง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • ยาโซเดียมไบคาร์โบเนตจะใช้ฉีดให้ผู้ป่วยโดยแพทย์หรือพยาบาลในโรงพยาบาลเท่านั้น

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาโซเดียมไบคาร์โบเนต

ยาโซเดียมไบคาร์โบเนตชนิดเม็ดมีผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ ภาวะเกลือโซเดียมต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ อาการปวดบีบท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผายลม และเกิดการตายของเนื้อเยื่อบริเวณแผลฉีดยา นอกจากนี้ หากพบอาการข้างเคียงที่รุนแรงต่อไปนี้ ควรต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

  • อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง ได้แก่ มีผื่น ลมพิษ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก มีอาการบวมที่ใบหน้า ปาก ริมฝีปาก หรือลิ้น
  • ปวดศีรษะ
  • อุจจาระมีสีดำหรือสีเหมือนยางมะตอย
  • กระสับกระส่าย
  • อ่อนแรง
  • กล้ามเนื้อเกร็งตัว
  • คลื่นไส้ อาเจียน

อย่างไรก็ตาม อาการข้างต้นยังไม่ใช่ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด หากพบผลข้างเคียงอื่น ๆ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นควรขอคำแนะนำจากแพทย์