เก๊กฮวย เครื่องดื่มสมุนไพรกับการรักษาโรค

เก๊กฮวย เครื่องดื่มดับกระหายยอดนิยมที่มีสรรพคุณทางยาตามตำราการรักษาแพทย์แผนจีน เป็นสมุนไพรมีฤทธิ์เย็น ช่วยปรับสมดุลและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งมีสารเคมีธรรมชาติที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) หรือชาลโคน (Chalcone) จึงมีงานค้นคว้ามากมายถึงประโยชน์ทางการแพทย์ของเก๊กฮวยที่เชื่อว่าอาจช่วยรักษาหรือป้องกันการเจ็บป่วยบางประการได้

เก๊กฮวย

เก๊กฮวยเป็นพืชสมุนไพรที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ โดยเก๊กฮวยดอกสีเหลืองเป็นชนิดที่คนนิยมนำมาบริโภคในรูปแบบของเครื่องดื่ม ชาสมุนไพร หรือนำมาประกอบอาหารมากกว่าชนิดอื่น ๆ โดยเชื่อว่าการดื่มหรือบริโภคเก๊กฮวยจะช่วยบรรเทาอาการหวัด ลดไข้ ป้องกันโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต หรือต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์คุณสมบัติต่าง ๆ ของเก๊กฮวยยังคงมีจำกัด ดังนั้น ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการรับประทานเก๊กฮวยหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ จากเก๊กฮวย

โดยข้อมูลทางการแพทย์บางส่วนที่ศึกษาประสิทธิผลต่อสุขภาพจากการบริโภคเก๊กฮวย มีดังนี้

ลดความดันโลหิต

ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่ความดันในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ และอาจส่งผลต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ ซึ่งแพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยเฉพาะด้านการรับประทานอาหารควบคู่ไปกับการรักษาด้านอื่น ๆ โดยบางคนนิยมรับประทานเก๊กฮวยเป็นการรักษาเสริมตามตำราแพทย์แผนจีน เพราะเชื่อว่าสมุนไพรชนิดนี้ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและต้านกระบวนการอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการรักษาและป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงได้

จากการวิจัยบางส่วนเกี่ยวกับการรักษาโรคความดันโลหิตสูงตามศาสตร์แพทย์แผนจีนระบุว่า เก๊กฮวยอาจช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะจากความดันโลหิตสูง และมีฤทธิ์ลดระดับความดันโลหิตลงได้ และยังมีข้อมูลจากการศึกษางานค้นคว้าที่ให้หนูทดลองกินสารสกัดจากเก๊กฮวยในปริมาณ 100-300 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งพบว่าความดันโลหิตในหนูทดลองลดลงด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเหล่านี้เป็นการเก็บข้อมูลจากหนังสือโภชนาการบำบัดการแพทย์แผนจีน และบางส่วนเป็นเพียงการทดลองในสัตว์ ทำให้ข้อมูลที่ได้อาจยังไม่เพียงพอจะยืนยันประสิทธิผลของการใช้เก๊กฮวยรักษาโรคความดันโลหิตสูง จึงควรค้นคว้าวิจัยในด้านนี้ให้รอบด้านและควรศึกษาทดลองในมนุษย์ต่อไปด้วย

รักษาโรคเบาหวาน

กล่าวกันว่าการบริโภคเก๊กฮวยหรือผลิตภัณฑ์จากเก๊กฮวยอาจช่วยต้านโรคเบาหวานได้ เพราะสารประกอบในเก๊กฮวยอย่างสารฟีนอลและฟลาโวนอยด์อาจช่วยยับยั้งการทำงานเอนไซม์ที่มีผลต่อการดูดซึมน้ำตาลบางชนิด และอาจเป็นผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อการรักษาโรคเบาหวานได้

จากการสืบค้นงานวิจัยเมื่อนานมาแล้ว มีการทดลองให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 188 ราย รับประทานผลิตภัณฑ์จากเก๊กฮวยครั้งละ 8 กรัม วันละ 3 ครั้ง เปรียบเทียบกับผู้ป่วยอีกกลุ่มที่ไม่ได้บริโภคเก๊กฮวย ผลการตรวจเลือดหลังจากผ่านไป 6 เดือนพบว่า กลุ่มที่รับประทานเก๊กฮวยมีความไวของอินซูลินเพิ่มขึ้นในผู้ที่เพิ่งเป็นเบาหวาน และยังมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่มีความหนืดของเลือดและระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ลดลงด้วยเช่นกัน นักวิจัยจึงคาดว่าผลิตภัณฑ์จากเก๊กฮวยอาจช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ นอกจากนี้ การทดสอบสารสกัดจากเก๊กฮวยผสมกับสารสกัดจากพืชชนิดต่าง ๆ ที่ศึกษาในห้องทดลอง พบว่าสารสกัดจากเก๊กฮวยผสมกับลูกหม่อนมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แอลฟาอะไมเลส (Alpha-Amylase) ที่หลั่งจากตับอ่อน รวมถึงยับยั้งเอนไซม์ซูเครสและมอลโทสในลำไส้เล็กได้เล็กน้อย ซึ่งช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลบางส่วนเข้าสู่ร่างกาย และอาจช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหลังมื้ออาหารได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวานเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แม้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ข้างต้นอาจแสดงประโยชน์บางส่วนของเก๊กฮวยต่อการรักษาและป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ยังไม่เพียงพอต่อการสรุปประสิทธิผลด้านนี้ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากบางการศึกษาเป็นงานค้นคว้าเก่าที่อาจไม่ครอบคลุมปัจจัยในการรักษาโรคเบาหวานได้ทั้งหมด และบางงานวิจัยก็เป็นการทดลองใช้เก๊กฮวยร่วมกับสารสกัดจากพืชชนิดอื่น จึงควรมีการค้นคว้าเพิ่มเติมให้ทราบผลแน่ชัดก่อนนำเก๊กฮวยมาประยุกต์ใช้เพื่อการรักษาหรือป้องกันโรคเบาหวาน

ต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก

มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์ในต่อมลูกหมากเกิดความผิดปกติจนเติบโตอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดอาการป่วยต่าง ๆ ตามมา คาดว่าการบริโภคเก๊กฮวยอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ เนื่องจากเก๊กฮวยประกอบด้วยสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่เชื่อกันว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบและยับยั้งการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนที่มีบทบาทในการควบคุมการเจริญเติบโตของต่อมลูกหมาก

จากข้อสันนิษฐานดังกล่าว ทำให้เกิดการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์จากเก๊กฮวยและสมุนไพรรวม 8 ชนิดในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก เพื่อดูระดับของสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากหรือค่า PSA เพราะหากค่าที่ตรวจได้สูงกว่าปกติอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของต่อมลูกหมาก โดยในการเก็บข้อมูลครั้งแรกพบว่าอาสาสมัครประมาณ 88 เปอร์เซ็นต์มีค่า PSA อยู่ในระดับต่ำ และมีเพียง 12 เปอร์เซ็นต์ที่มีค่า PSA เพิ่มขึ้นจากเดิม อีกประมาณ 3 ปีต่อมา มีการเก็บข้อมูลอีกครั้ง พบว่าผู้ป่วย 93 เปอร์เซ็นต์มีค่า PSA อยู่ในระดับดี และมีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ที่มีค่า PSA เพิ่มขึ้น ผลโดยรวมจึงระบุว่าผลิตภัณฑ์จากเก๊กฮวยและสมุนไพรดังกล่าวส่งผลดีต่อการควบคุมระดับ PSA ในเลือด ซึ่งอาจดีต่อการควบคุมมะเร็งต่อมลูกหมาก

นอกจากนี้ การศึกษาอีกงานหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากรับประทานอาหารเสริมจากเก๊กฮวยและสมุนไพรอื่น ๆ ครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังจากรักษาด้วยวิธีฮอร์โมนบำบัดหรือเคมีบำบัดเป็นระยะเวลาเฉลี่ย 8 เดือน ผลพบว่าผู้ป่วยจำนวน 87 เปอร์เซ็นต์มีค่า PSA ลดลงประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ แต่จากการทดลองดังกล่าวก็พบว่าผู้ป่วยเผชิญผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการคลื่นไส้ ท้องร่วง หรือเจ็บบริเวณหัวนม

อย่างไรก็ตาม งานค้นคว้าข้างต้นเป็นการคาดการณ์จากงานวิจัยเก่า แม้พบว่าการรับประทานเก๊กฮวยอาจเป็นประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่กลไกควบคุมระดับ PSA ยังเกี่ยวข้องกับอีกหลายกระบวนการในร่างกาย และค่า PSA สูงกว่าปกติเป็นเพียงแนวโน้มที่บ่งบอกว่าผู้ป่วยอาจเกิดความผิดปกติที่ต่อมลูกหมาก ไม่ได้เป็นการวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากเสมอไป ดังนั้น จนกว่าจะมีหลักฐานทางการแพทย์ที่แน่ชัดและสามารถยืนยันประสิทธิภาพของเก๊กฮวยต่อการรักษาหรือป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมายหรือผู้ที่ตรวจพบค่า PSA สูง ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และหากพบว่าป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์และรับการการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

ความปลอดภัยในการบริโภคเก๊กฮวย

แม้เก๊กฮวยเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่หลายคนนิยมบริโภคกันทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันถึงความปลอดภัยในการบริโภคเก๊กฮวยเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคแต่อย่างใด ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคเก๊กฮวย รวมถึงสมุนไพรหรืออาหารเสริมใด ๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังบางประการเกี่ยวกับการบริโภคเก๊กฮวย ดังนี้

  • ผลิตภัณฑ์จากเก๊กฮวยในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้ผิวหนังบางคนไวต่อแสงแดดได้ ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญแสงแดดแรงจ้า ควรป้องกันผิวด้วยการสวมเครื่องแต่งกายให้มิดชิดหรือทาครีมกันแดดเสมอ
  • หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเก๊กฮวยเพื่อความปลอดภัยของตนเองและทารก เพราะยังไม่มีข้อมูลยืนยันด้านความปลอดภัยของการบริโภคเก๊กฮวยในผู้บริโภคกลุ่มนี้
  • เก๊กฮวยเป็นพืชในวงศ์เดียวกับเบญจมาศ ผู้ที่มีอาการแพ้พืชตระกูลนี้มีแนวโน้มแพ้เก๊กฮวยได้เช่นกัน จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเก๊กฮวยและใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากเก๊กฮวยด้วยความระมัดระวัง หากพบความผิดปกติหลังการบริโภค เช่น มีผื่น มีความผิดปกติในการหายใจ หรือมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้น ควรหยุดใช้และไปพบแพทย์ทันที
  • เก๊กฮวยอาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด ผู้ที่รับประทานยาเป็นประจำหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานหรือใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ จากเก๊กฮวย
  • น้ำมันที่ได้จากดอกเก๊กฮวยประกอบด้วยสารไพรีทรัม (Pyrethrum) ซึ่งเหมือนสารประกอบในยาฆ่าแมลง จึงควรใช้น้ำมันชนิดนี้ด้วยความระมัดระวัง เพราะการสัมผัสโดนโดยตรงหรือใช้เป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหนัง ปาก ตา และจมูกได้