ถามแพทย์

  • อายุ 23 ปี ปวดหัวมานาน เหมือนไฟช็อตวิ่งผ่านตาขวา มองไม่ชัด อ่อนแรง ชา เป็นอาการอะไร

  •  Ma Nop Nopachai Phimyoyong
    สมาชิก
    ผมอายุ23ปีมีอาการปวดหัวมานาน มีอาการเหมือนไฟชอตวิ่งผ่านด้านขวาตามองไม่ค่อยชัต บางครั้งลิ้นแข็ง มีอาการเบอพูดจาไม่รู้เรื่อง ยกแขนได้ไม่นานเหมือนมันหนักมาก ชาขยับแขนขาแต่ละทีก็ลำบาก ไปหาหมอไห้แต่ยาวิตามินมากินกับยาแก้ปวด จนตอนนี้ท้อเลยไม่ไปพบหมอมาระยะหนึงแล้ว ผมหวังว่าคงมีไครรักษาผมได้แค่นั้นตอนนี้

    สวัสดีค่ะ คุณ Ma Nop Nopachai Phimyoyong,   

                            อาการปวดหัวที่เป็นมานาน อาจเกิดจาก   

                           1. เป็นอาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ เป็นอาการปวดที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อาการจะเป็นแบบเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ซึ่งสามารถแบ่งตามอาการที่ปวด ได้แก่

                            - ปวดศีรษะไมเกรน  ส่วนใหญ่มักจะปวดข้างเดียว มักปวดบริเวณขมับ รอบดวงตา และอาจลามไปด้านหลังของศีรษะ อาการปวดเป็นแบบตุ๊บๆ โดยส่วนใหญ่จะปวดต่อเนื่องนาน 1-3 วันแล้วหายไป ขณะปวดอาจมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร  มึนหัว เป็นต้น บางรายจะมีอาการเตือนมาก่อนปวดศีรษะ (migraine with aura) เช่น การมองเห็นผิดปกติ มีเห็นแสงสว่าง ภาพเบลอมองไม่ชัด หรือมีอาการพูดลำบาก ชาที่มือ-แขน หรือรอบปาก กล้ามเนื้อคล้าย ๆ จะอ่อนแรง หรืออาจรู้สึกเหมือนมีใครกำลังสัมผัสตัวอยู่ รู้สึกชาที่มือหรือเท้า ซึ่งอาการเหล่านี้ จะค่อย ๆ เริ่มเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที และจะยังคงมีความรู้สึกนี้เป็นชั่วโมง หรือหลายชั่วโมงก็ได้หากมีหลายอาการ หลังจากนั้น ก็จะเริ่มมีอาการปวดศีรษะเกิดขึ้น สำหรับปัจจัยที่กระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบ เช่น ความเครียด อาหารบางอย่าง ฮอร์โมนแปรปรวน เป็นต้น

                          - ปวดศีรษะจากความเครียด หรือ tension-type headache จะปวดเหมือนมีเข็มขัดรัดรอบศีรษะ โดยตำแหน่งที่ปวดจะอยู่บริเวณท้ายทอย หน้าผาก และบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง มักจะพบร่วมกับอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ อาการปวดจะเป็นมากในช่วงบายถึงค่ำ ส่วนตอนเช้ามาอาการปวดจะเป็นน้อย 

                         - ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (cluster headache) เป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียวแบบรุนแรง มราจะมีอาการเพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วหายไป และปวดขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ มักมีอาการตาแดง น้ำตาไหล น้ำมูกไหล หนังตากตกร่วมด้วย

                        2. อาการปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ เป็นอาการปวดมาจากโรคหรือความผิดปกติของโครงสร้างบริเวณศีรษะและคอ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อโรคต่างๆ ทั้งในสมองและนอกสมอง ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ มีฟันผุ เหงือกอักเสบ ปวดศีรษะจากโรคต้อหิน มีสายตาสั้น มีหลอดเลือดในสมองโป่งพอง เนื้องอกในสมอง เป็นต้น ส่วนใหญ่อาการปวดจะเป็นแบบเฉียบพลัน เป็นต่อเนื่อง รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นแบบเป็นๆ หายๆ 

                        3. อาการปวดศีรษะจากเส้นประสาทและอื่น ๆ เป็นการปวดที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเส้นประสาทสมอง ที่พบบ่อย คืออาการปวดศีรษะที่เกิดจากประสาทสมองเส้นที่ 5 ซึ่งควบคุมความรู้สึกบนใบหน้า อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหน้าอย่างรุนแรงร่วมกับอาการปวดศีรษะ ส่วนใหญ่มักปวดข้างเดียว

                       ดังนั้น หากอาการปวดหัวเป็นมานานแล้ว มีลักษณะ เป็นๆ หายๆ และอาการไม่ได้มีลักษณะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงมีอาการผิดปกติทางตา การรับความรู้สึกต่างๆ การทำงานของกล้ามเนื้อ ก็อาจเป็นอาการปวดศีรษะไมเกรนชนิดที่มีอาการเตือนได้ (migraine with aura) ซึ่งหากเป็นบ่อย และมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แนะนำควรไปพบแพทย์เฉพาะทางอายุรกรรม เพื่อรักษาค่ะ ซึ่งจะมีทั้งยารักษาอาการและยาสำหรับป้องกันการเกิดอาการค่ะ

                       ในเบื้องต้น ก็พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ ได้แก่ การลดความเครียด พยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนต่างๆ และไม่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เป็นต้น