ถามแพทย์

  • คลอดลูกมา 9 เดือน หลังคลอดมีเวียนหัวทุกวัน ไปตรวจเลือดแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ เป็นผลจากยาฝังคุมกำเนิดไหม

  •  Nwtnk Wathanika
    สมาชิก
    มีอาการเวียนหัวตั้งแต่หลังคลอด เวียนตลอดเวลา เป็นมา9เดือนแล้วค่ะ ตอนคลอดก็ตกเลือด800 cc หมอให้แค่ยาบำรุงเลือด ไปโรงพยาบาลได้แต่ยาแก้เวียน กินไม่หาย เจาะเลือด ผล เลือดปกติ เกลือแร่ปกติ ความดันปกติ แล้วหนูเป็นอะไรกันแน่คะ นอนก็นอนครบนอนปกติ มีคนแนะนำให้เอายาคุมฝังออกเพราะอาจแพ้ แต่คันในเนตอาการก็เหมือนพวกทางสมองและหลอดเลือด อาการคือ เวลายืนตัวจะโอนเอนต้องคอยทรงตัว นั่งก็โอนเอน อาการเหมือนอยู่ในลิฟต์ตลอดเวลา มองอะไรไวๆไม่ได้จะเวียนต้องหรี่ตาทั้งที่ไม่เคยเป็น ไปห้าง มองของที่อยู่บนชั้น ก็เวียน บางทีเหมือนจะวูบ เวลานั่งยองๆเก็บของทำอะไรก็เหมือนจะหน้าคะมำ เวลานั่งจะเอื้อมหยิบของก็เหมือนจะพุ่งไปข้างหน้า นี่คืออาการทั้งหมดที่เป็นหลังคลอดค่ะ ย้ำนะคะว่าเป็นมาตงอด9เดือนเป็นตลอดเวลาไม่เคยหายไม่มีวันไหนไม่เวียนค่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรทางสมอง หลอดเลือด หรือยาฝัง แต่ทุกอย่างความดันอะไรต่างๆปกติอย่างที่บอก หมดหนทางแล้วค่ะ อยากทำงานก็ทำไม่ได้

    สวัสดีค่ะ คุณ Nwtnk Wathanika,

                       อาการเวียนหัวที่เป็นมานาน 9 เดือน หากได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล และได้มีการตรวจเลือดแล้ว ก็ไม่น่าเกิดจากมีภาวะโลหิตจาง ที่เกิดจากการเสียเลือดไปตั้งแต่ตอนคลอดแล้วค่ะ ดังนั้น อาการเวียนหัวที่ยังคงเป็นอยู่ อาจเกิดจากสาเหตุ แบ่งเป็น

                  1. กลุ่มที่มีอาการมึนงง มึนหัว (dizziness) อาจรู้สึกเหมือนศีรษะเบาๆ ลอยๆ คล้ายจะหน้ามืด แต่ไม่มีอาการบ้านหมุน หรือสิ่งรอบตัวหมุน มักสัมพันธ์กับแรงดันเลือดและปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ สาเหตุได้แก่

                    - การเปลี่ยนท่าทางเร็วไป เช่น นั่งหรือนอนอยู่แล้วลุกขึ้นทันที 

                    - จากการขาดน้ำในร่างกาย เช่น ดื่มน้ำน้อย เสียเหงื่อมาก

                    - จากความเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ

                    นอกจากนี้ หากฝังยาคุมกำเนิดอยู่ ก็อาจเป็นสาเหตุได้ค่ะ 

                    2. อาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน (vertigo) คืออาการที่รู้สึกเหมือนสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุนได้ แม้ว่าจะยืนหรือนั่งอยู่กับที่ หรือตัวเองหมุน ทั้งที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งอาจทำมีเดินเซ ล้ม หรือทรงตัวไม่ได้ รวมไปถึงรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของลูกตา ตากระตุก และอาการเกี่ยวกับการได้ยินเสียง เช่น หูอื้อ เสียงดังรบกวนในหู  สาเหตุได้แก่

                      - โรคของหู เช่น ตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด (BPPV) โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน  (Meniere's Disease) หูชั้นในอักเสบ (labyrinthitis) จากการติดเชื้อของหูชั้นกลาง หรือเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อซิฟิลิส ไวรัสต่างๆ การใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อระบบประสาททรงตัวในหูชั้นใน เป็นต้น

                      - เนื้องอกของเส้นประสาทหู (vestibular schwannoma)

                      - เนื้องอกในสมอง

                      - ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิตที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองรวมถึงระบบประสาททรงตัวไม่พอ โดยจะเกิดในผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ เป็นเบาหวาน  หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกระดูกคอเสื่อม เป็นต้น

                     ทั้งนี้ หากไม่ได้มีการเวียนหัวแบบบ้านหมุน อีกทั้งไม่ได้มีโรคความดันโลหิตสูง ไม่ได้เป็นเบาหวาน ไม่ได้สูบบุหรี่ ก็ไม่น่าเป็นโรคของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองค่ะ และไม่น่าเป็นเนื้องอกในสมอง เพราะหากมีอาการมานาน 9 เดือนแล้ว อาการก็จะต้องรุนแรงขึ้น และมีอาการทางสมองอื่นๆ ร่วมด้วยอีกค่ะ

                     ดังนั้น จึงอาจเป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิดได้ ซึ่งหากอาการเป็นทุกวัน และมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจพิจารณาถอดยาฝังคุมกำเนิดออกค่ะ แต่เมื่อถอดยาฝังออกแล้ว ก็ควรต้องป้องกันการตั้งครรภ์ โดยอาจใช้ถุงยางอนามัยไปก่อน ยังไม่แนะนำให้ใช้ยาฮอร์โมนคุมกำเนิดต่อ เพราะอาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวต่อได้ ซึ่งหากถอดออกแล้ว อาการเวียนหัวค่อยๆ ดีขึ้นจนหายไป ก็แสดงว่าเป็นผลของยาฝังค่ะ 

                     ในเบื้องต้น ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ดื่มน้ำเยอะๆ เปลี่ยนท่าเวลานั่งหรือนอนช้าๆ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เป็นต้น