ถามแพทย์

  • อายุ 16 ปี มีเลือดไหลออกจากทวารหนัก เป็นมา 1 สัปดาห์ เสี่ยงเป็นอะไร

  •  Nattaya Choomphunut
    สมาชิก
    มีเลือดไหลออกทางทวารหนักค้ะ เวลาเข้าห้องน้ำไม่ว่าจะฉี่หรืออุจจาระก้อมีเลือดไหลตลอดเลยค้ะไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ เป้นมาจะอาทิตหนึ่งแล้วค่ะพอมาวันนี้ออกจากห้องน้ำมีเลือดไหลเลอะกางเกงด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าหนูจะเสี่ยงเป็นอะไรหรอค่ะ อายุสิบหกเองค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Nattaya Choomphunut,

                     อาการมีเลือดไหลออกจากทวารหนัก หรือถ่ายเป็นเลือด สาเหตุที่พบได้บ่อยคือ

                     1. ริดสีดวงทวาร  เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดดำที่ทวารหนัก เมื่อออกแรงเบ่งถ่าย หรือหากอุจจาระแข็ง ก็จะไปครูดกับหลอดเลือด หลอดเลือดก็จะแตกออกทำให้มีเลือดออก โดยเป็นเลือดสีแดงสดหยดออกมาพร้อมกับอุจจาระหรือหลังถ่ายอุจจาระ บางรายเลือดอาจมีปริมาณมากได้ มักไม่มีอาการปวดรูทวาร ซึ่งสาเหตุ ได้แก่ การมีท้องผูกเป็นประจำ การชอบเบ่งถ่าย นั่งอุจจาระนาน ใช้ยาสวนบ่อย น้ำหนักตัวมาก เป็นต้น

                    2. แผลปริขอบทวารหนัก หากก้อนอุจจาระมีขนาดใหญ่ หรือแข็ง ต้องออกแรงเบ่งมาก ก้อนอุจจาระอาจไปครูดกับเยื่อบุของทวารหนัก ทำให้เกิดเป็นแผล ซึ่งมักมีเลือดสีแดงสดติดออกมากับก้อนอุจจาระหรือติดกระดาษที่ใช้เช็ดก้น และมักมีอาการปวดหรือเจ็บรูทวารหนักร่วมด้วย        

                   สำหรับสาเหตุอื่นๆ นั้นพบได้น้อย และมักมีอาการอื่นๆ ร่วมอีกนอกจากการมีถ่ายอุจจาระปนเลือด เช่น ลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง ภาวะลำไส้ขาดเลือด มีเลือดออกจากหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารที่มีแผลหรือเส้นเลือดโป่งพอง มีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อในลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น ซึ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้น มักพบในคนอายุ 50 ปีขึ้นไป แทบไม่พบในคนอายุ 16 ปี และนอกจากจะมีถ่ายเป็นเลือด จะมีอาการปวดท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างมีนัยสำคัญร่วมด้วย (มากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวเดิม)

                      ในเบื้องต้น หากมีท้องผูก ต้องพยายามอย่าให้ท้องผูก และต้องให้ก้อนอุจจาระนิ่ม ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอออล์ ไม่กลั้นหรือเบ่งถ่ายอุจจาระ ฝึกถ่ายให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่านั่งเป็นเวลานานๆ ให้เปลี่ยนอิริยาบทสลับการเดินบ่อยๆ เป็นต้น 

                     หากยังคงมีถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือเลือดมีปริมาณมาก หรือมีอาการเจ็บรูทวารมาก หรือมีอาการอื่นๆ ร่วม ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาโดยการใช้ยาต่อไปค่ะ