ถามแพทย์

  • หยุดทานยาคุม แล้วมาทานใหม่ มีเลือดออกไม่เยอะ มา 7 วันแล้ว เกิดจากยาคุมไหม

  •  Nicha_
    สมาชิก
    หยุดดยาคุมที่กินหมดแผง1เดือนค่ะพึ่งมากินยาคุมแผงแรก15วัน ยาคุมกำเนิดของเมโลเดีย 21เม็ดค่ะ หลังประจำเดือนหมดแล้วมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเลยรู้ว่าเลือดออก จนตอนนี้7วันแล้วเลือดที่ไม่ใช่ประจำเดือนยังไม่หายค่ะเป็นสีน้ำตาลบางวันก็แดงสดบ้าง ถ้ามีน้ำหล่อลื่นออกมาเป็นสีแดงสดค่ะเลือดไม่เยอะเท่าประจำเดือนเลอะกางเกงนิดหน่อยแต่เป็นๆหายๆค่ะ มีอาการแค่ถ่ายเหลว อยากทราบว่าอาการแบบนี้เป็นเพราะยาคุมรึเปล่าเพราะไม่เคยเป็นจากที่เคยกินยาคุมตัวนี้ สามารถมีเพศสัมพันธ์กับแฟนได้ไหม ถ้าเลือดยังไม่หายสามารถหยุดยาคุมได้ทันทีตอนนี้มั้ยคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Nicha_,

                    หากกำลังทานยาคุมกำเนิดอยู่ เลือดที่ออกจากช่องคลอดในปริมาณน้อยๆ น่าจะเป็นอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยที่เกิดจากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดได้ โดยเฉพาะหากเป็นยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำ หรือเกิดจากการทานยาคุมไม่ตรงเวลา ดังนั้น หากกำลังทานยาคุมกำเนิดอยู่ และเลือดที่ออกมีปริมาณไม่มาก ไม่มีปวดท้องน้อยรุนแรง ไม่มีตกขาวที่ผิดปกติ ก็ให้สังเกตอาการไปก่อนได้ ซึ่งโดยปกติ เมื่อทานยาคุมต่อเนื่องไปซัก 2-3 แผง อาการเลือดออกกะปริดกะปรอยก็จะค่อยๆ หายไป ทั้งนี้ควรทานยาคุมให้ตรงเวลาด้วย แต่หากเลือดยังคงออกเกือบทุกวัน ไม่หายไป ก็อาจพิจารณาเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิดค่ะ

                    สำหรับการมีเพศสัมพันธ์นั้น สามารถมีได้ค่ะ โดยยาคุมก็ยังคงมีฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% ค่ะ

                    แต่หากเลือดที่ออกมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ หรือมีปวดท้องน้อยมาก มีตกขาวที่ผิดปกติ ก็ควรหยุดทานยาคุมกำเนิด และไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ โดยอาจเกิดจากการมีมดลูกอักเสบ หรือเกิดการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแท้งเกิดขึ้น เป็นต้น