ถามแพทย์

  • มีอาการเจ็บกลางอกมา 2 เดือน มีโรคเลือดจาง และประวัติผ่านตัดม้าม

  • สวัสดีคะคุณหมอ อาการก็คือจะเจ็บกลางหน้าอกคะเหมือนมีอะไรมากดทับตลอด สูดหายใจได้ไม่เต็มที่ เวลาหายใจก็จะเจ็บเหมือนข้างในบีบกันตรงกลางหน้าอก และเจ็บตรงส่วนกระดูกข้างหลัง (ไม่เคยเป็นมาก่อน)
    และโรคประจำตัวเป็นโรคเลือดจางคะ เคยผ่าตัดม้ามมาแล้ว ประจำเดือนก็ไม่มาประมาณ 2 เดือนกว่าๆแล้วคะ (หลังๆมานี้ประจำเดือนจะมาไม่ค่อยปกติ แต่ครั้งล่าสุดนานมากก็ยังๆไม่มา)(แฟนเป็นทอมคะ) อยากทราบว่าอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้คือวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคอะไรคะ ? แล้วเกี่ยวข้องกับโรคเลือดจางด้วยรึเปล่าคะ ? ขอบคุณคะ

    สวัสดีครับ หมอปชา ยินดีให้คำปรึกษาครับ อาการเจ็บแน่นบริเวณหน้าอกมักมีหลายสาเหตุ ตัวอย่างเช่น 1.อาการเจ็บแน่นจากโรคหัวใจ โรคหัวใจขาดเลือด จะมีอาการเจ็บเหมือนโดนของหนักทับ มีเจ็บไปถึงบริเวณกรามและต้นแขนมีอาการเหงื่อแตก ใจสั่น เป็นลมหมดสติ 2.อาการจากโรคปอด เช่นโรคหอบหืดกำเริบ จะมีอาการแน่นหายใจไม่สะดวกจากหลอดลมตีบ สาเหตุที่รุนแรงเช่น ปอดแตก จะมีอาการแน่นหน้าอกมาก หายใจไม่สะดวก เป็นลมหมดสติ ถึงขั้นเสียชีวิต 3.อาการจากโรคทางเดินอาหาร เช่นโรคกระเพาะอักเสบ โรคกรดไหลย้อน มักเจ็บแน่น แสบร้อน บริเวณลิ้นปี่ หรือ กลางอก 4.กลุ่มอาการที่ไม่เกี่ยวกับโรคทางกายเช่น โรควิตกกังวล โรคแพนิค ต้องไม่มีความผิดปกติของ ระบบหัวใจ ปอด และทางเดินอาหาร หรือสาเหตุทางกายอื่นๆ สำหรับอาการของคุณ ในกลุ่มคนที่เป็นโรคโลหิตจาง เช่น Thalassemia ถ้าเป็นโรค Thalassemia ที่มีอาการรุนแรง มักจะมีภาวะที่เรียกว่าการสร้างเม็ดเลือดนอกไขกระดูก(extramedullary hematopoiesis) จะมีภาวะม้าม มีขนาดโต หรือก้อนเนื้อที่สร้างเม็ดเลือดอยู่บริเวณต่างๆของร่างกาย บริเวณข้างๆกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการกดเบียดโครงสร้างต่างๆได้ หรือกดเบียดกระดูกสันหลัง และในโรคโลหิตจาง Thalassemia นี้จะมีภาวะธาตุเหล็กเกินในร่างกาย และธาตุเหล็กส่วนเกินนี้จะสะสมในอวัยวะต่างๆ(Hemochromatosis) เช่น ต่อมใต้สมอง ตับอ่อน ตับ หัวใจ ทำให้อวัยวะทำงานล้มเหลว การที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดจาก ต่อมใต้สมองทำงานผิดปกติได้ อย่างไรก้ตามสาเหตุของประจำเดือน มาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนขาด ไม่จำเป็นต้องเกิดจากภาวะที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งภาวะดังกล่าวข้างต้นเหล่านี้ ต้องอาศัยการตรวจร่างกายเพิ่มเติม การตรวจทางรังสี หมอแนะนำให้คุณมาพบเเพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการดังกล่าวต่อไป