ถามแพทย์

  • ไข้มา 3-4 สัปดาห์ นอนโรงพยาบาลได้เจาะเลือด เอ๊กซเรย์ สแกนสมอง ผลทุกอย่างปกติ ยังคงมีไข้และปวดหัว หมอจึงเจาะไขสันหลัง แต่เจาะไป 5 ครั้ง ไม่สำเร็จ อยากทราบสาเหตุว่าทำไมเจาะไม่ได้ และสาเหตุของไข้

  •  Panniie Kanchanaburi
    สมาชิก
    เริ่มต้นมีมีอาการไข้สูง ปวดหัว ไอและเจ็บคอ เสียงแหบประมาณ10วันค่ะ ไปหาหมอโรงพยาบาล หมอให้ยามากินค่ะ อาการไอหายไป แต่ยังเป็นไข้และปวดหัวทุกวันเพิ่มขึ้นมาคืออาการตาพร่า เลยไปหาหมอคลินิค ตรวจเลือดหมอบอกเลือดจางนิดหน่อยและเม็ดเลือดแดงเล็กนิดนึง ส่วนตัวเป็นธาลาสซีเมียแบบแฝงค่ะ หมอคลินิคให้โฟลิคมาทานค่ะ แต่ยังเป็นไข้และปวดหัวทุกวัน เลยไปโรงพยาบาลอีกครั้ง ขอใบส่งตัวเข้าโรงพยาบาลในตัวจังหวัด พอหาหมอในโรงพยาบาลจังหวัดอาการที่เป็นมาก็ 3 อาทิตย์กว่าจะเข้าอาทิตย์ที่ 4 แล้ว หมอบอกว่าให้นอนโรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุของไข้ ก็มีเจาะเลือด มีเอ็กซเรย์ และสแกนสมอง ผลทุกอย่างปกติ แต่อาการปวดหัวและตาพร่าไม่ดีขึ้นเลย หมอเลยขอเจาะไขสันหลังค่ะ ครั้งแรกเป็นหมออายุน้อยมาเจาะ 2 คนค่ะ เจาะไม่ได้ เจาะไป 2 เข็ม ใช้เวลานานมาก ฉีดยาชา 2 เข็มค่ะ หมอบอกเจาะไม่ออกแล้วหมอก็ทำแผลค่ะ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หมอใหญ่มาเจาะเองค่ะฟังหมอพูดทำนองโมโหที่หมอสองคนแรกเจาะไม่ได้ หมอใหญ่เลยมาเจาะเอง หมอใหญ่เจาะไป 3 เข็มค่ะ ไม่ได้เหมือนกัน มีแต่เลือดออกมาค่ะ ยาชา 2 เข็มค่ะ หมอใหญ่บอกว่าไม่เจาะแล้วเพราะเจาะไป 5 เข็มแล้วไม่ออกเลย ก็สังเกตุและรักษาไปตามอาการ อีกวันนึงหมอให้กลับบ้านค่ะ แต่ยังปวดหัวมากทุกวันและมีไข้กับตาพร่า กินยาแก้ปวดก็ไม่หายค่ะ อยากทราบว่าที่เจาะไขสันหลังแล้วเจาะไม่ได้สาเหตุเกิดจากอะไรคะ มีโอกาสเป็นอะไรมั้ยคะ อาการปวดหัวและมีไข้ทุกวันน่าจะเป็นโรคอะไรคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Panniie,

                    การเจาะไขสันหลังมีโอกาสที่จะเจาะไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยทั้งจากแพทย์ เทคนิคและอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือจากตัวคนไข้ค่ะ

                    ปัจจัยจากแพทย์ได้แก่ ความชำนาญและประสบการณ์ในการเจาะไขสันหลัง เทคนิคและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ปริมาณยาชาที่ให้ก่อนการเจาะ ชนิดของเข็มที่ใช้ในการเจาะ สำหรับปัจจัยจากตัวคนไข้ เช่น มีภาวะอ้วนก็อาจทำให้เจาะยากขึ้น หรือมีเนื้องอกอะไรบางอย่างที่ขวางช่องทางการดูดเอาน้ำไขสันหลังออก เป็นต้น

                   สำหรับอาการไข้ หากเป็นนานกว่า 3 สัปดาห์ โดยที่แพทย์ยังหาสาเหตุไม่ได้ เรียกว่ามีภาวะไข้ไม่ทราบสาเหตุ (fever of unknown origin) ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ได้แก่

                1. การติดเชื้อเรื้อรังต่างๆ ซึ่งมีมากมากหลายชนิด เช่น วัณโรค ไข้ไทฟอยด์ ติดเชื้อ HIV ติดเชื้อมาลาเรีย โรคเมลิออยโดสิส โรคไข้รากสาดชนิดต่างๆ  เช่น โรคไข้คิว (Q fever) ไข้พุพองเทือกเขาร็อกกี้ (Rocky mountain spotted fever) ไข้รากสาดพุ่มไม้หรือไข้รากสาดไรอ่อน โรคติดเชื้อไวรัสอีบีวี (EBV) ตับอักเสบจากเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ เยื่อบุหัวใจอักเสบ ไข้รูมาติก มีฝีในอวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง ฝีในปอด ฝีในช่องทรวงอก กระดูกติดเชื้อ ไข้หุบเขา (coccidiomycosis) ติดเชื้อ histoplasmosis โรคแท้งติดต่อ (brucellosis) โรคติดเชื้อ actinomycosis โรคไลม์ (lyme disease) และอื่นๆ อีกมากมาย

                2. โรคภูมิแพ้ตนเองชนิดต่างๆ เช่น SLE โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคหลอดเลือดอักเสบชนิดต่างๆ โรคผิวหนังอักเสบ โรคลำไส้แปรปรวน

                3. โรคมะเร็ง ส่วนใหญ่เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

                4. โรคอื่นๆ เช่น ไข้จากยา ไข้จากสารพิษ มีเลือดออกเรื้อรังในเยื่อหุ้มสมองหรือสมอง ตับแข็ง โรคป่วยเทียม (factitious fever)

               การวินิจฉัยต้องอาศัยทั้งประวัติต่างๆ การตรวจร่างกายที่ละเอียด รวมทั้งการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายๆ อย่างทั้งจากเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ สารคัดหลั่งต่างๆ รวมถึงน้ำไขสันหลัง การเอ๊กซเรย์ธรรมดา การทำอัลตราซาวน์ เอ๊กซเรย์คอมพิวเตอร์ รวมถึงการตรวจติดตามอาการอย่างต่อเนื่องจึงจะได้การวินิจฉัยที่น่าจะเป็นไปไปได้ที่สุดค่ะ

              อย่างไรก็ตาม หมอขอเป็นกำลังให้หาสาเหตุให้ได้โดยเร็วนะคะ และขอให้อาการหายไวไวด้วยค่ะ