เจาะสะดือเมื่อเดือนที่แล้ว สัปดาห์แรกไม่มีอาการ ต่อมามีหนองไหล ด้านใต้มีก้อนเนื้อแดงๆ ควรทำอย่างไร

 สวัสดีค่ะ คุณ Pimpakaa,

                    การมีก้อนเนื้อแดงๆ และมีหนองไหลออกมาจากบริเวณที่ได้ทำการเจาะสะดือ น่าจะเกิดจากมีการอักเสบติดเชื้อเกิดขึ้น และกลายเป็นฝีหนองตามมา ซึ่งอาจเกิดจาก จิวหรือต่างหูที่ใส่สะดือไม่สะอาด หรือการใช้มือไปแกะเกา หรือมีฝุ่นละอองเข้าไปหมักหมม เป็นต้น

                   นอกจากนี้ อาจเกิดจาก

                   - การแพ้จิวหรือต่างหูที่ใส่สะดือ แต่มักจะผื่นและอาการคันร่วมด้วย

                  -  มีภาวะปัสสาวะรั่วออกทางสะดือ (Patent Urachus) ตามปกติท่อสะดือที่ต่อระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับสะดือจะปิดลงสนิทหลังเราเกิด แต่ในบางกรณีที่ผู้ป่วยมีท่อสะดือที่เปิดออก จะทำให้เกิดการการรั่วไหลของน้ำปัสสาวะที่ส่งกลิ่นเหม็น และมีโอกาสติดเชื้ออักเสบได้บ่อยๆ แต่ทั้งนี้ ก็น่าจะมีอาการมาตั้งแต่ก่อนเจาะสะดือ

                   - มีซีสต์ในสายสะดือ (urachal cyst) เป็นการเกิดซีสต์หรือถุงน้ำขึ้นในท่อสะดือที่ไม่ได้ปิดสนิทตั้งแต่หลังเกิดมา ทำให้อาจมีของเหลวสะสมอยู่กลายเป็นถุงน้ำในท่อสะดือจนอาจเกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งอาจมีของเหลวสีขุ่นหรือมีเลือดปนไหลออกมาจากสะดือร่วมกับอาการสะดือเหม็น แต่ทั้งนี้ ก็น่าจะมีอาการมาตั้งแต่ก่อนเจาะสะดือเช่นกัน

                   - ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง (Sebaceous Cyst) โดยปกติจะคลำได้เป็นก้อน ไม่เจ็บหากมีการแตกออก ก็อาจมีของเหลวคล้ายหนอง มีกลิ่นเหม็นออกมาได้ 

                    ในเบื้องต้น ยังไม่ควรใส่จิวหรือต่างหูที่สะดือใดๆ ใช้สำลีชุบน้ำเกลือสำหรับล้างแผล เช็ดเอาหนองออกบ่อยๆ และอาจใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดน ไอโอดีน พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำเข้าไปในสะดือ โดยอาจต้องหลีกเลี่ยงการอาบน้ำไปก่อน และอาจทานยาปฏิชีวนะ เช่น dicloxacillin (ขนาด 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง) เป็นต้น แต่ทังนี้ต้องไม่แพ้ยาเหล่านี้ หากยังคงมีหนองไหลมาก มีอาการเจ็บหรือปวด มีไข้ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ หากเป็นแค่ฝีธรรมดา ก็อาจพิจารณาผ่าระบายหนองออกและให้ยาปฏิชีวนะทานค่ะ