ถามแพทย์

  • อายุ 18 ปี คิดมาก เครียดง่าย ความสุขลดลง อารมณ์เสียบ่อย ไม่อยากอยู่ เป็นมากขึ้นช่วงใกล้มีประจำเดือน ควรทำอย่างไร

  •  aiarsR
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ เราอายุ18ปี ตอนนี้มีปัญหาชีวิต เริ่มจากเราเป็นคนคิดมากอยู่แล้วทำให้ตัวเราคิดมากอยู่ตลอดเวลา แต่ช่วงระยะหลังมากนี้(ตั้งแต่ต.ค.ปีที่แล้วเรา) เราเริ่มมีอาการซึมผิดปกติ ชอบคิดมากแล้วเครียด เลยคิดว่าตัวเองอาจมีภาวะซึมเศร้าเลยลองปรึกษาทางครอบครัวแต่เค้าไม่ได้สนใจอะไรเลยไม่มีการพาเราไปพบแพทย์อะไรทั้งนั้น เราเลยคิดว่าเราอาจจะคิดมาไปเอง แต่ช่วงหลังๆมาเริ่มไม่ใช่ อะไรที่เคยมีความสุขกับมันเริ่มลดลง อารมณ์เสียบ่อยขึ้น ซึมบ่อยขึ้น และเครียดง่ายขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ดีขึ้นเลย มีความสุขน้อยลง ยิ่งช่วงที่มีประจำเดือนจะมีอาการแบบนี้เป็นพิเศษ เลยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะฮอร์โมนของคนเป็นประจำเดือน แต่หลังๆมาเริ่มมีความรู้สึกอยากหายไปเลย ไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ แต่ไม่เคยคิดที่จะพยายาม/่าตัวตาย แค่อยากหาไปเงียบๆ เป็นแบบบ่อยครั้งจนบางทีก็รับไม่ไหว อยากไปพบแพทย์แต่ไม่มีตังต์พอที่จะไปหาเพราะยังเรียนอยู่ อยากขอคำปรึกษาควรทำยังไงดีค่ะถึงจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ เพราะอยู่กับอารมณ์แบบนี้มันทรมาณเหลือเกิน

    สวัสดีค่ะ คุณ aiarsR,

                         อาการคิดมาก เครียด ความสุขลดลง อารมณ์เสียบ่อย ไม่อยากอยู่ พยายามจะฆ่าตัวตาย น่าจะเป็นอาการของโรคซึมเศร้าได้ค่ะ ซึ่งเป็นโรคที่ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนี้

                        1.อารมณ์เปลี่ยนไป คือกลายเป็นคนเศร้าสร้อย หดหู่ ไม่แจ่มใส ไม่สดชื่น สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย เบื่อหน่ายไปหมดทุกสิ่งอย่าง สิ่งที่เคยชอบทำก็ไม่ชอบทำ รู้สึกไม่มีความสุข บางคนอาจหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย อารมณ์ร้อนขึ้น 

                        2. ความคิดเปลี่ยนไป มองอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด มองเห็นแต่ความผิดพลาดของตนเอง มองไม่เห็นอนาคต หมดหวัง ท้อแท้ รู้สึกตนเองไร้ค่า ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกเป็นภาระกับคนอื่น คิดถึงเรื่องการตายอยู่บ่อยๆ หรืออาจถึงขั้นวางแผนการตายและทำร้ายตนเองได้

                        3. สมาธิความจำแย่ลง หลงลืมง่าย จิตใจเหม่อลอย ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานผิดๆถูกๆ 

                        4. อาการทางกาย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า นอนหลับยาก หรือนอนมากไป เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตัว ปวดหัว ท้องอืด ท้องผูก เป็นต้น

                        5. การเรียนหรือการงานแย่ลง 

                       6. อาการโรคจิต มักพบในผู้ที่มีโรคซึมเศร้ารุนแรง  เช่น อาการหลงผิด ประสาทหลอน

                       ทั้งนี้ โรคซึมเศร้า อาจมีสาเหตุมาจากโรคทางกายได้ เช่น มีภาวะไทรอยด์ต่ำ ขาดวิตามินบางอย่าง เนื้องอกในสมอง สมองอักเสบ เป็นต้น 

                       ในเบื้องต้น หากเล่าให้ผู้ปกครองฟังถึงอาการที่เราเป็นอยู่แล้ว ยังไม่มีใครเข้าใจ อาจปรึกษาอาจารย์ หรือญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ เพื่อที่อย่างน้อยจะได้มีคนที่รับรู้ถึงความผิดปกติของเราก่อนค่ะ เขาอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ขึ้นอยู่กับว่าเคยมีประสบการณ์เจอผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่

                        และแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการซึมเศร้าที่เป็นอยู่ หากไม่มีใครพาไป ก็สามารถไปได้เอง หรืออาจหาเพื่อนไปเป็นเพื่อนก็ได้ ซึ่งโดยปกติ หากยังเรียนอยู่ ก็จะมีสิทธิรักษาในสิทธิ 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) ดังนั้น ก็จะสามารถไปรักษายังโรงพยาบาลที่เรามีสิทธิอยู่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรค่ะ หากไม่ทราบว่าสิทธิของเราอยู่ที่โรงพยาบาลใด ก็ให้เข้าไปตรวจสอบในเว็บไซด์ของสำหนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสายด่วน สปสช. 1330 ค่ะ นอกจากนี้ อาจลองโทรไปที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อรับคำปรึกษาแนะนำเบื้องต้นได้ก่อนค่ะ

                      เมื่อได้พบแพทย์แล้ว ในขั้นต้น แพทย์อาจสาเหตุของโรคทางกายด้วย ว่ามีอยู่หรือไม่ หากไม่มี การรักษา ก็มีทั้งการใช้ยา และการรักษาทางจิตบำบัดค่ะ ไม่ควรปล่อยให้อาการความรู้สึกผิดปกติต่างๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ เพราะอาจอันตรายต่อตนเองได้

                       การเป็นโรคซึมเศร้า ก็เหมือนกับการเป็นโรคอื่นๆ หากได้รับการรักษาที่ถูกวิธี โรคก็จะทุเลาลง อารมณ์ความรู้สึกผิดปกติต่างๆ ก็จะหายเป็นปกติได้ในที่สุดค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ