ถามแพทย์

  • เป็นแผลที่รูทวารหนัก หมอให้ยา proctosedyl แบบขี้ผึ้งมาทา รู้สึกไม่สบายทวาร แห้งๆ ร้อนๆ ปวดก้นกบ เกิดจากผลของยาไหม

  •  pondkung2536
    สมาชิก

    อยากสอบถามหน่อยครับว่า Proctosedyl แบบขี้ผึ้งสามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงอย่างอาการรู้สึกไม่สบายทวารและรู้สึกแห้งๆ ร้อนๆ เล็กน้อย บริเวณใกล้เคียง ได้หรือไม่ครับ

    ก่อนหน้านี้เป็นแผลที่ปากทวารครับแล้วคุณหมอได้ให้ยานี้มาทาประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ตอนนี้ทาต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 10 อาการเริ่มต้นขึ้นเมื่อวานเป็นวันแรกครับ มีอาการปวดตรงกระดูกก้นกบเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ครับ

    ถ่ายตอนนี้ปกติดีครับ ตอนถ่ายไม่เจ็บไม่ปวด ไม่ได้มีอาการปวดใดๆ ถ่ายไม่มีเลือด ไม่มีอาการปวดหน่วงหลังถ่ายครับ แค่รู้สึกไม่สบายตรงจุดดังกล่าว

    ขอบคุณครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ pondkung2536,

                        ยา พรอกโตซดิล ((Proctosedyl suppository/ointment) ใช้บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร รูปแบบของยาจะมีแบบขี้ผึ้งและยาเหน็บทวาร ตัวยาสำคัญจะประกอบด้วย

                      - ยาต้านการอักเสบกลุ่มยาสเตียรอยด์ คือ Hydrocortisone

                      - ยาชาลดอาการปวดบริเวณริดสีดวงทวาร คือ Cinchocaine Hcl

                      - ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย (ยาปฏิชีวนะ) คือ Framycetin sulphate

                      - ยาช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น คือ Aesculin 

                        ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้บริเวณทวารหนัก เช่น ผิวแห้ง แดง รู้สึกคัน เจ็บ หรือแสบร้อน 

                        ยาชนิดนี้ ควรแช่ในตู้เย็น ในช่วงแรกให้เหน็บวันละ 2 ครั้ง เช้า และเย็น เมื่ออาการดีขึ้นให้เหน็บวันละครั้ง ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 3 สัปดาห์ เพราะยาบางส่วนอาจถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ผู้ป่วยโดยเฉพาะเด็กหรือผู้ที่ใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเป็นสิว มีขนขึ้นตามใบหน้าหรือลำตัว ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือเหงื่อออกมาก

                         ดังนั้น อาการไม่สบายทวารและรู้สึกแห้งๆ ร้อนๆ ที่เกิดขึ้น ก็น่าเกิดจากผลข้างเคียงของยาพรอกโตซดิลที่ใช้อยู่ได้ค่ะ ซึ่งไม่ได้อันตรายอะไร

                          สำหรับการที่เป็นแผลที่รูทวารหนัก หากใช้มา 10 วัน และไม่มีอาการปวดขณะถ่ายแล้ว ก็ควรหยุดใช้ยาไปได้เลยค่ะ

                          ส่วนอาการปวดตรวจกระดูก้นกบ ไม่น่าเกิดจากผลข้างเคียงของยาค่ะ โดยอาจเกิดจากการนั่งนานๆ นั่งบนที่แข็งๆ ก็ได้ หรือเกิดจากการโดนอะไรมากระแทก ซึ่งหากไม่ได้ปวดมาก แค่รู้สึกไม่สบายตรงบริเวณดังกล่าว ก็อาจสังเกตอาการไปก่อนค่ะ อาการก็น่าจะหายไปได้เองในที่สุดค่ะ แต่หากอาการปวดเป็นมากขึ้น หรือมีก้อนนูนบวมขึ้นมา ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ