ถามแพทย์

  • เริ่มมีอาการตอน ม.1 จนตอนนี้อยู่ ปวช.3 มีอาการไม่อยากทำอะไร ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ ทำร้ายตนเอง และอยากทำร้ายผู้อื่น ร้องไห้ ไม่มีความสุข เป็นอะไร

  •  Tonhom Singkumpong
    สมาชิก
    เมื่อตอนประถมหนูไม่เคยเป็นเเบบนี่เลย เเต่พอหนูขึ้นม.1 หนูเริ่มไม่อยากทำอะไร ไม่อยากตื่นขึ้นมา มันเหนื่อย เเละหนูไม่ชอบสายตาที่มองหนูว่าเเปลกประหลาด หนูเคยเอาเรื่องนี่ไปบอกเพื่อน,ครู,พ่อเเม่,ญาติ เเต่หนูได้ยินคือ เรียกร้องสนใจ ตัวประหลาด เด็กมีปัญหา หลังจากที่หนูได้ยินหนูรู้สึกว่าการที่หนูบอกไปไม่ได้ช่วยให้หนูดีขึ้นเลย หนูเเก้ปัญหาโดยการที่หนูจะไม่บอกเรื่องที่ตัวเองเป็นอะไรไปหนูเเสร้งว่ามีความสุข เเละบอกไม่เป็นไร เพราะหนูคิดว่าคนเราไม่ควรเชื่อใจใครเลย ม.2 หนูเเค่ไม่อยากอยู่กับคนอื่น เเต่เริ่มทำร้ายตัวเองเพราะเป็นภาระพ่อเเม่เเละน้องเพราะควบคุมอารมณ์โกรธไม่อยู่ค่ะ ม.3 หนูเริ่มไม่ค่อยพูด อยู่กับโลกส่วนตัวที่สร้าง เริ่มนอนบ่อยมากๆค่ะ เเละเป็นช่วงที่หยุดการทำร้ายตัวเองละคนอื่นค่ะ เเล้วพอหนูคือปวช.1 เหมือนจะดีขึ้นเพราะมีคนที่เข้าใจหนู..หนูเผลอเชื่อใจเขา หนูเล่าเรื่องหนูให้ฟังเเต่หนูบอกเรื่องที่เล่าไม่หมดเพราะหนูกลัวโดนคำพูดที่หนูเจ็บมากๆ ปวช2 หนูรู้สึกเฉยชาเเปลก เริ่มร้องไห้น้อยลง เเต่ความคิดอยากตายยังอยู่ ตอนนี่หนูอยู่ปวช.3 หนูรู้สึกถูกเเทนโดยเพื่อนอีกคนกับเพื่อนสนิท มันทำให้หนูเสียใจจนอยากร้องเเต่หนูทำไม่ได้เพราะพ่อกับเเม่เคยบอกว่าต้องปกป้องน้องตลอดจะพูดว่าหนูทำตามที่เขาสั่งมาตลอดก็ได้ค่ะเพราะตอนป.5-6ถูกสั่งให้ปกป้องน้อง (ถึงหนูจะมารู้ภายหลังว่าพ่อเเม่ใช้หนูเป็นเครื่องมือปกป้องน้อง เเต่มันสายเกินเเก้ค่ะหนูทำตามเขาทุกอย่างจนหนูไม่รุ้ว่าปวช.3จบไปหนูจะทำไงต่อ ไม่มีความฝัน ความต้องเป็นของตัวเองค่ะ) เเต่หนูต้องเข้มแข็งเพราะมันไม่ใช่ครั้งเเรกที่ถูกเเทนที่หรอกค่ะ หนูเลยไม่ได้ใส่ใจเพราะหนูคิดว่าหนูอยู่ได้เเม้จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ตาม หนูมีความคิดอยากตายอยากทำร้ายผู้อื่นค่ะ เช่น หนูเจอครูหนูอยากที่จะผลักครูให้ตกจากบันได ตอนนั้นวินก็อยากทำให้รถคว่ำ หนูเเทบไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะหนูรู้ว่าตัวเจ็บปวดทรมาณเเค่ไหนก็ต้องเก็บไว้ในใจ ภายนอกหนูปกติให้ถึงที่สุดค่ะหนูพยายามยิ้มหัวเราะทั้งที่หนูไม่รู้สึก ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่เคยได้ความรักจากครอบครัวเลยก็ได้น่ะค่ะ เเต่หนูก็พูดให้จำขึ้นใจว่า ความรักจากพ่อเเม่ไม่ใช่ของเรามันเป็นของคนที่คนที่อายุน้อยสุด 555หนูอาจจะพิมพ์ไม่รู้เรื่องน่ะค่ะพอดีว่าเขียนตาม อารมณ์เเละประสบการณ์ทั้งหมด(อาจจะไม่หมดก็ได้ค่ะ) เเละหนูก็พูดกับคนอื่นไม่รู้อยู่เเล้วด้วย เเต่ขอบคุณค่ะที่รับฟังหนู

    สวัสดีค่ะ คุณ T.k,

                        อาการไม่อยากทำอะไร ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ ทำร้ายตนเอง และอยากทำร้ายผู้อื่น ร้องไห้ ไม่มีความสุข  แสดงว่ามีอาการของซึมเศร้า โดยหากอาการซึมเศร้าเป็นมานาน และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ก็ถือเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งเป็นโรคที่ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนี้

                        1.อารมณ์เปลี่ยนไป คือกลายเป็นคนเศร้าสร้อย หดหู่ ไม่แจ่มใส ไม่สดชื่น สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย เบื่อหน่ายไปหมดทุกสิ่งอย่าง สิ่งที่เคยชอบทำก็ไม่ชอบทำ รู้สึกไม่มีความสุข บางคนอาจหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย อารมณ์ร้อนขึ้น 

                       2. ความคิดเปลี่ยนไป มองอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด มองเห็นแต่ความผิดพลาดของตนเอง มองไม่เห็นอนาคต หมดหวัง ท้อแท้ รู้สึกตนเองไร้ค่า ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกเป็นภาระกับคนอื่น คิดถึงเรื่องการตายอยู่บ่อยๆ หรืออาจถึงขั้นวางแผนการตายและทำร้ายตนเองได้

                       3. สมาธิความจำแย่ลง หลงลืมง่าย จิตใจเหม่อลอย ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานผิดๆถูกๆ 

                       4. อาการทางกาย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า นอนหลับยาก หรือนอนมากไป เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตัว ปวดหัว ท้องอืด ท้องผูก เป็นต้น

                       5. การเรียนหรือการงานแย่ลง 

                       6. อาการโรคจิต มักพบในผู้ที่มีโรคซึมเศร้ารุนแรง  เช่น อาการหลงผิด ประสาทหลอน

                       ในเบื้องต้น ก็ควรเล่าอาการต่างๆ ที่ยังเป็นอยู่ให้ผู้ปกครองรับฟัง แม้เขาจะไม่เข้าใจเราก็ตาม อย่างน้อยก็เพื่อจะได้รับรู้ว่าเรายังมีอาการผิดปกติอยู่ และควรหาเวลาไปพบจิตแพทย์ เพื่อประเมินว่ามีอาการของโรคซึมเศร้าหรือไม่  หากเป็นโรคซึมเศร้าจริง ก็มีทั้งการใช้ยา และการรักษาทางจิตบำบัดค่ะ ไม่ควรปล่อยให้อาการความรู้สึกผิดปกติต่างๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอาจอันตรายต่อเองจากการที่เริ่มมีการทำร้ายตนเองได้ค่ะ ทั้งนี้ อาจลองโทรไปที่เบอร์สายด่วนสุขภาพจิต โทร 1323 เพื่อรับฟังคำแนะนำเพิ่มเติมได้ค่ะ

                        การเป็นโรคซึมเศร้า ก็เหมือนกับการเป็นโรคอื่นๆ หากได้รับการรักษาที่ถูกวิธี โรคก็จะทุเลาลง อารมณ์ความรู้สึกผิดปกติต่างๆ ก็จะหายเป็นปกติได้ในที่สุดค่ะ 

                        ส่วนเรื่องในครอบครัว หรือการใช้ชีวิตในสังคมก็ตาม การมีทัศนคติที่ดีจะช่วยลดความรู้สึกที่แย่ต่างๆ ลงไปได้ คือแทนที่เราจะคอยคาดหวังให้คนอื่นมาเข้าใจเรา รักเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีทางจีรังยั่งยืน เราก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ให้คนอื่นแทน เริ่มจากการที่เรารักตัวเราเองให้เต็มร้อยก่อน แล้วเผื่อแผ่ความรักไปสู่ผู้อื่น คอยช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่ต้องคอยหวังว่าจะมีคนรักเราตอบหรือไม่ จะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความหมายและมีความสุขขึ้นค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ