ถามแพทย์

  • ยังไม่เคยทานยาคุมกำเนิด ขอคำแนะนำวิธีทานยา

  •  Annaaaa
    สมาชิก
    คือยังไม่เคยทานเลยค่ะ เลยอยากจะถามคำถาม 1.คือถ้าเราทานแผงแรกตอนประจำเดือนมาวันแรกแบบ28เม็ดแต่ถ้าหากในแผงนั้นทานยังไม่หมดประจำเดือนอีกเดือนมาต้องกินต่อให้หมดหรือซื้อแผงใหม่มากินคะ 2.หากทานครบ1แผงแล้ว ในแผงที่2ต้องป้องกันอย่างอื่นร่วมด้วยใน7วันแรกไหมคะ 3.หากคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ 2-3เดือนมาที ต้องทานยาคุมยังไงคะ และถ้าหากทานเดือนแรกที่ประจำเดือนมาแต่เดือนถัดไปไม่มา ไม่ทราบว่าต้องทานยังไงคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Annaaaa,

                       1. การทานยาคุมกำเนิดแผงแรกนั้น ควรเริ่มทานยาคุมกำเนิดภายใน 1-5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ยาคุมกำเนิดก็จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที แต่หากไม่ได้เริ่มทานยาคุมกำเนิดภายใน 1-5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ยาคุมจะยังไม่สามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที ต้องทานต่อเนื่องไปอย่างน้อย 7 วันก่อน 

                        ส่วนการทานยาคุมกำเนิดแผงต่อๆ ไปนั้น หากเป็นชนิด 28 เม็ด เมื่อทานยาคุมจนครบ 28 เม็ดแล้ว ก็ให้เริ่มทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ต่อทันที โดยไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะเริ่มมาในวันใดและหมดในวันใดค่ะ เพื่อให้การออกฤทธ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากเป็นยาคุมชนิด 28 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่ทานยาที่เป็นเม็ดแป้ง หรือมาในช่วงที่ทานเม็ดที่ 23-26 ค่ะ  

                         แต่หากมีเลือดออกมา โดยที่ยังทานยาคุมไม่ถึงเม็ดแป้ง ไม่ได้เรียกว่าเป็นประจำเดือน แต่เกิดจากผลข้างเคียงของยาคุม ที่ทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ ซึ่งไม่ได้อันตรายอะไร สามารถทานต่อไปได้ค่ะ

                        2. การทานยาคุมแผงที่ 2 และแผงต่อๆ ไป สามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ทันที ไม่ต้องรอให้ครบ 7 วันก่อนค่ะ

                        3. การทานยาคุม จะทำให้ประจำเดือนมาทุกๆ 28 วัน โดยมาในช่วงที่ทานยาที่เป็นเม็ดแป้งดังกล่าวค่ะ หากไม่มีประจำเดือนมาในช่วงที่ทานยาที่เป็นเม็ดแป้ง ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ซึ่งก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ 

                         หากจะทานยาคุมกำเนิด ก็ต้องไม่ได้มีโรคประจำตัวหรือข้อห้ามต่างๆ ในการทานยาคุมกำเนิดด้วยค่ะ เช่น มีความดันโลหิตสูงชนิดที่ควบคุมไม่ได้ มีอาการปวดศีรษะไมเกรนรุนแรง เป็นเนื้องอกที่เต้านม หรือเคยมีประวัติเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งที่เต้านม มีเนื้องอกและมะเร็งที่รังไข่ เนื้องอกในตับ มีตับอักเสบรุนแรงหรือเป็นตับแข็ง มีโรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ มีอาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด เป็นต้น