ถามแพทย์

  • แม่เป็นงูสวัดที่หางตา ทานยาและทายาแต่ตุ่มยังไม่ยุบ ยังไม่หายสนิท ต้องทานยาเพิ่มไหม

  •  Chanchai
    สมาชิก
    คุณแม่เป็นงูสวัดที่หางตา ทานยาvilerm 200 ไป10วันแล้วครับวันละ5เม็ดและทายาvilerm ครีมด้วย แต่ตุ่มก็ยังไม่ยุบลงไปยังมีให้เห็นตรงหางตาอยู่คล้ายเม็ดสิว เหมือนไม่หายสนิท คลำดูเหมือนจะมีฝังอยู่ข้างใน ต้องทานยาเพิ่มdose เป็น 400 หรือ 800 รึเปล่าครับ รบกวนตอบด้วยครับคุณหมอ

    สวัสดีค่ะ คุณ chanchai,

                      อันดับแรก ก่อนที่จะทานยารักษาโรคงูสวัด ต้องได้รับการวินิจฉัยที่แน่นอนก่อนว่าเป็นโรคงูสวัดจริง เพราะหากไม่ใช่โรคงูสวัด การทานยาก็จะไม่ได้ช่วยรักษาให้หายได้ และยังอาจได้รับผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็น

                       ซึ่งอาการของงูสวัด คือ ก่อนจะมีผื่นขึ้นประมาณ 1-3 วัน อาจมีอาการปวดแปล๊บๆ แบบปวดเส้นประสาทนำมาก่อน หรือมีอาการคันและแสบร้อนคล้ายถูกไฟไหม้ตรงบริเวณผิวหนังตามแนวเส้นประสาทที่จะเกิดผื่นงูสวัด บางรายอาจมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดท้อง ร่วมด้วย ต่อมาจะมีผื่นแดง ๆ ขึ้นตรงบริเวณที่ปวด แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสเรียงตามแนวผิวหนังที่เลี้ยงโดยเส้นประสาท มีอาการคันและเจ็บปวด แบบปวดแสบปวดร้อน หลังจากนั้นประมาณ 4 วัน ตุ่มน้ำจะเริ่มขุ่น แล้วจะค่อย ๆ แห้งตกสะเก็ดไปใน 7-10 วัน อาการปวดก็จะทุเลาลง โรคงูสวัด ไม่ได้ถือเป็นโรคที่รุนแรง สามารถหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์แม้ไม่ได้ทานยา สำหรับการทานยานั้น ควรเริ่มทานยาภายใน 3 วันนับตั้งแต่เกิดผื่นขึ้นมา ยาจึงจะช่วยให้อาการหายได้เร็วขึ้น หากเริ่มทานยาช้า ยาอาจไม่ช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินโรคมากนัก 

                             ดังนั้น หากเป็นมา 10 วัน แล้ว อาจไม่ใช่โรคงูสวัดก็ได้ค่ะ แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยค่ะ และควรหยุดทานยาไปก่อน เพราะอาจได้รับผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็นดังกล่าวไป

                             โดยปกติ การรักษาโรคงูสวัดนั้น คือการทานยาต้านไวรัสงูสวัด โดยหากเป็นยา vilerm หรือ acyclovir ต้องทานขนาด 800 มิลลิกรัม วันละ 5 ครั้ง นานอย่างน้อย 7-10 วัน ดัสำหรับยาที่เป็นชนิดทา จะใช้ผลเฉพาะในโรคเริม แต่ไม่ได้ผลสำหรับโรคงูสวัด

                              หากมีอาการที่รุนแรง คือมีผื่นขึ้นนอกแนวของเส้นประสาทมากกว่า 1 แนวของเส้นประสาท หรือผื่นกระจายข้ามเส้นกลางของลำตัว มีผื่นขึ้นที่หน้าและผื่นกระจายไปที่ตา ซึ่งอาจทำให้เกิดกระจกตาอักเสบ แผลกระจกตา ม่านตาอักเสบ ต้อหิน ประสาทตาอักเสบ หรือเกิดผื่นบริเวณใกล้หู และเกิดอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก มีอาการบ้านหมุน คลื่นไส้ หูอื้อ หูตึง หรือเกิดเชื้องูสวัดกระจายเข้าสู่สมองและอวัยวะภายในอื่น ๆ เช่น ตับ ปอด เป็นต้น หรือมีโรคประจำตัวบางอย่างที่ยกตัวอย่างไป ในกรณีเหล่านี้จึงจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทางหลอดเลือดดำค่ะ