ถามแพทย์

  • ฉีดยาคุมกำเนิดในวันแรกที่ประจำเดือนมา แต่เลือดออกนานสัปดาห์กว่าแล้ว มีปวดท้องใต้สะดือข้างขวา เป็นผลของยาหรือเปล่า

  •  bluelabel
    สมาชิก

    คือเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมาได้ไปฉีดยาคุม แบบ 3 เดือนมา ในวันแรกของการประจำเดือน
    แล้วถึงตอนี้ก็ผ่านมา อาทิตย์กว่าแล้ว  แต่ยังมีเหลือ ออกอยู่ แต่ไม่เยอะ  ที่สั่งเกตุได้เพราะใส่ แผ่นบาง
    ธรรมดาแล้ว ปจด เดือน เราจะมีไม่เกิน 3-4 วันก็หายแล้ว 
    มันเกิดจาก ยาคุม หรือเปล่า

    แล้วตอนนี้มีอาการที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ มีอาการปวดท้องแบบจี๊ดๆๆ บริเวณ ใต้สะดื้อ ไปทางขวามา 

     

     สวัสดีค่ะ คุณ bluelabel,

                        หากได้ฉีดยาคุมกำเนิดในวันแรกที่ประจำเดือนมา ยาฉีดคุมกำเนิดก็จะสามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที โดยจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99%

                        สำหรับผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว หรือชนิดที่ฉีดทุก 2 หรือ 3 เดือน คืออาจทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือมีประจำเดือนมามากได้ แต่เมื่อผ่านไปซักระยะ ประจำเดือนจะเริ่มมาน้อย และจะขาดหายไปได้

                     ดังนั้น การมีเลือดออกในปริมาณเล็กน้อยมานานอาทิตย์กว่าดังกล่าว ร่วมกับอาการปวดท้องแบบจี๊ดๆ จึงน่าจะเป็นผลข้างเคียงของยาฉีดคุมกำเนิดได้ ซึ่งหากเลือดที่ออกมีปริมาณไม่มาก และอาการปวดท้องไม่รุนแรง ก็ไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด อาการน่าจะดีขึ้นเมื่อผ่านไปซักระยะค่ะ แนะนำให้สังเกตอาการไปก่อนค่ะ

                     หากอาการปวดท้องเป็นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการอื่น เช่น ไข้ ท้องเสีย อาเจียน อาจไม่ได้เกิดจากผลของยาฉีดคุมกำเนิด แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อักเสบ เป็นต้น ซึ่งในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ