ถามแพทย์

  • หลังหยุดยาคุม ประจำเดือนยังไม่มา แล้วมีเพศสัมพันธ์แบบใส่ถุงยางอนามัย ประจำเดือนก็ยังไม่มา จะท้องไหม

  •  fren15
    สมาชิก

     หนูทานยาคุมมา 1 ปี ยาคุมหมดวันที่ 2 มิถุนายน 2562 และรอบเดือนครั้งล่าสุดเป็นวันที่31 พฤษภา - 4 มิถุนายน 2562 ระหว่างวันนั้นประมาณวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเลยวันตกไข่ไปแล้ว(วันตกไข่จะอยู่ช่วงวันที่13 14 คะ) หนูได้มีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยาง ซึ่งก่อนใช้ก็ตรวจดูทุกอย่างคะ ไม่หมดอายุ ไม่ใช้เล็บหรือของมีคมตัด ใช้ถุงยางตั้งแต่เริ่มจนจบคะ แฟนเขานำมาเสร็จข้างนอกแต่ยังใส่ถุงยางอยู่ พอเสร็จแล้วนำมาตรวจโดยการใส่น้ำก็ไม่พบว่ารั่วคะ จนเริ่มเดือนใหม่แล้ว รอบเดือนยังไม่มาเลยคะ เลยอยากทราบว่า

    1.การหยุดทานยาคุมมีผลต่อร่างกายมั้ยคะ ฮอโมนแปรปรวนหรือเปลี่ยนแปลงส่งผลให้รอบเดือนมาช้ากว่ากำหนด และมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้มาช้าหรือเปล่า

    2.หนูใช้ถุงยางถูกวิธีใช่มั้ยคะ และมีโอกาสพลาดได้มากน้อยเท่าไร พลาดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

    ตอนนี้กังวลคะรอรอบเดือนมา รบกวนคุณหมอช่วยไขข้อสงสัยทีขอบพระคุณคะ

    fren15  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ fren15

    ประจำเดือนคือการหลุดลอกของเยื่อบุผนังมดลูกในแต่ละเดือน เป็นสัญญาณว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ รอบเดือนปกติจะอยู่ที่ 22-35 วัน หากมาช้ากว่านี้ถือว่ามาช้า

    ประจำเดือนมาช้ามีสาเหตุได้จาก

    -การตั้งครรภ์

    -ความเครียด การพักผ่อนน้อย

    -โรคไทรอยด์

    -พังผืดในมดลูกกรณีเคยขูดมดลูก

    -ความผิดปกติในรังไข่ เช่นมีถุงน้ำในรังไข่

    ส่วนวิธีการใช้ถุงยางอนามัยนั้นหากถุงยางไม่ขาดไม่รั่วและใช้ตลอดการมีเพศสัมพันธ์ มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยกว่า 2% ค่ะ

    หลังหยุดยาคุม อาจจะยังมีระดับยาอยู่ในร่างกายได้ ทำให้ไม่มีการตกไข่หรือไม่มีประจำเดือน แต่ส่วนใหญ่แล้ว ยาคุมกำเนิดแบบรับประทานมักจะทำให้ประจำเดือนมาตามปกติ น้อยมากที่จะทำให้หายไปค่ะ

    ตอนนี้ยังไม่ควรซื้อยาฮอร์โมนอะไรมากินเองจนกว่าจะทราบสาเหตุของการที่ประจำเดือนมาช้าค่ะ อาจซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ให้ผลบวกได้ตั้งแต่ 10-14 วันหลังมีการปฏิสนธิ หากตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองแล้วให้ผลลบ ควรไปตรวจยืนยันที่รพ.ค่ะ สังเกตอาการถ้ามีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด มีก้อนเลือด เศษเนื้อเยื่อปน และปวดหน่วงท้องน้อย ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์