ถามแพทย์

  • สามียังคบกับแฟนเก่าทั้งๆทีมีลูกกับเราแล้ว สุดท้ายเราไม่รู้จะทำอย่างไร

  •  Tualek Oo
    สมาชิก

    ปกติโดยนิสัยแล้วเราเป็นคนคิดมากคิดไม่ตกอยู่แล้ว เป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่นจะพูดอะไรจะทำอะไรก็เป็นกังวลไปหมดว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร จนกลายเป็นคนที่กลัวจะเป็นคนที่ไม่ดีในสายตาคนอื่น และก็เวลาทำอะไรก็จะคิดว่าสิ่งที่เราทำต้องดีในสายตาคนรอบข้าง

     เริ่มรู้สึกตัวเองว่าน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าก็หลังแต่งงานค่ะ ดิฉันแต่งงานมาเกือบ 4 ปี มีลูก 2 คน ช่วยแรกร้องไห้บ่อยก็คิดว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนตอนท้องและหลังคลอด ที่ร้องไห้บ่อยก็เพราะว่าโดนสามีด่าบ่อยๆ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขาไปเสียหมด ตอนนั้นเราไม่ทำงานอยู่บ้านอย่างเดียว แต่พอคลอดลูกคนแรกเสร็จ ลูกอายุ 3เดือนเราก็ได้งานทำเป็นครูอัตราจ้าง ชีวิตก็เริ่มดีขึ้น หาเงินใช้ได้เองแต่ก็มีปัญหากันบ้างกับสามีเพราะเราทำงานบ้านไม่ค่อยทัน หลังจากนั้นสักพักเราก็สอบบรรจุ ด้วยความที่เราตั้งใจอ่านหนังสือทุมเทมาก แต่เราสอบไม่ผ่าน บวกกับเพื่อนที่เราไปสอบพร้อมกันสอบผ่าน มันเหมือนพายุพัดเข้ามาในใจเลยค่ะ เราผิดหวังมาก ด้วยคิดว่าตัวเองมีโอกาสผ่านเพราะมั่นใจมาก มันทำให้เราเหมือนคนบ้าเลยค่ะ เราร้องไห้หนักมาก เครียดเก็บกด เหมือนคนบ้าเลยค่ะ ปกติเป็นคนเข้มแข็งมากแต่จะมีเซ็นติทีปบ้างกับเรื่องความรัก แต่ก็พยายามคิดใหม่ว่าเรายังมีโอกาส ตั้งใจอ่านหนังสือใหม่ และเราก็สอบผ่านได้บรรจุเมื่อกลางปีที่แล้ว พร้อมกับข่าวดีมีลูกคนที่ 2 เราท้องลูกคนที่2 อารมณ์เราหงุดหงิดง่ายมากค่ะ บวกกับที่บ้านงานยุ่งมาก สามีทำงานหนักทั้งงานประจำและงานของที่บ้าน เข้าหงุดหงิดใส่เราบ่อย จากที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขาอยู่แล้วก็ยิ่งหนักขึ้น เราทะเลาะกันบ่อย ทั้งๆที่ท้องเราร้องไห้บ่อยมาก แต่ก็อดทน เราเหนื่อยท้องโต นอนก็ไม่ค่อยหลับ แต่ทุกคนในบ้านก็เหนื่อย และมันก็ผ่านมาได้ จนมาเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาเราลืมโทรสับไว้ที่โรงเรียนเราเลยเลยเน็ตกับไอแพดที่บ้านปรากฏว่ามันค้างเฟสของแฟนอยู่ก็เลยเข้าไปดูว่าเขาคุยกับใครบ้าง ก็ไปเห็นว่าเขาคุยกับแฟนเก่าที่เลิกกันไปก่อนที่จะแต่งงานกับเรา ตอนนั้นเขาเลือกเรา ก็คิดว่ามันจะจบเพราะผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเขาจะไม่เข้ามายุ่งกับครอบครัวเราแล้ว เราเลยไม่เคยแอะใจบวกกับเวลาเขา้าไปในเฟสก็ไม่เคยเห็นเขาคุยกัน หลังจากเห็นเราก็ตัดสินใจถามว่าทำไมถึงยังคุยกันอีก ยังรักกันอยู่หรอรึว่าอะไร เขาก็ตอบๆมา เราก็คิดว่าเขาจะเลิกคุยกัน แต่เขาก็ยังคุยกัน เราเลยตัดสินใจทักไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น เขาก็บอกว่าคุยกันเฉยๆไม่ได้คิดอะไรกันแล้ว แค่ดูแลกันปรึกษากันในฐานะเพื่อน เขาบอกว่าถ้าเขาจะแย่ผู้ชายคนนี้ไปจากเราเขาทำไปตั้งนานแล้ว เพราะหลังจากเราแต่งงานได้ไม่นานเขาก็กลับมาคุยกัน และก็คุยกันมาตลอด มีอะไรที่สามีเราไม่สบายใจก็จะไปคุยกับเขาตลอด มันทำให้เรารู้สึกแย่มากๆเลยค่ะ และเขาก็บอกว่าสามีเราขอเขาจดทะเบียนสมรสด้วยขอมาตลอด เราก็อึ้งมากเลยค่ะ ในขณะที่ระหว่างเรามีลูกด้วยกันแต่เขาไม่เคยคิดจะจดทะเบียนสมรสกับเราเลยเวลาคุยก็จะอ้างว่าเขาเป็นหนี้เยอะ เราอยากรู้นั้นนี้ก็ถามและคุยกับเขาจนวันก่อนสามีไปงานแต่งงานเพื่อนแล้วเราก็คุยเขาจนดึกเขาเลยบอกว่าจะโทรตามสามีให้เราด้วยความที่อยากรู้ว่าเวลาสามีเราคุยกับเขาจะคุยยังไงบ้างเลย ขอให้เขาประชุมสายให้ฟัง และสิ่งที่ได้ฟังก็ทำเราเจ็บสุดเลยค่ะ สามีเราขอเขาจดทะเบียนสมรสรบเหล้าเขาสุดๆ ตอนที่ได้ยินหน้าชาสตั้นสุดๆค่ะ แทบจะช๊อค เราบันทึกเสียงไว้ค่ะ แล้วก็บอกผู้หญิงคนนั้นว่าเราจะคยกับสามีเรื่องนี้เราอยากรู้ว่าสามีคิดยังไง แต่เขาไม่ยอมเขาจะเครียด้วยเลยประชุมสายกันสามคน สามีเราพอรู้ว่าเราฟังอยู่ด้วยก็โกรดมากแต่พี่เขาก็คุยๆจนสามีเย็นลงเราก็ชาๆพูดไรไม่ถูก แล้วสามีก็มาขอให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียอีกคนของเขา แค่คุยไม่ได้มีอะไรกัน ผู้หญิงคนนั้นก็ยอมเพราะเขาเองก็ไม่มีใคร ทุกคนโเคมีแต่เราที่เหลือแผลไว้ในใจร้องไห้ตลอด แต่ก็พยายามดึงสติทำตัวเองให้ดีขึ้นพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่ได้ยิน แต่เสียงมันดังอยู่ในหัวตลอด ไม่ว่าเวลาไหนทำอะไรคำพูของเขาทั้งสองคนก็ดังอยู่ตลอดทุกเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าให้ฟังก็ยังจำได้ทุกคำทุกเรื่อง และพาลโกรดเสียใจจนอยากไปจากตรงนี้ เกลียดสามีมาก แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองและก็ยังอยากให้เขาดีกับเรา

    Tualek Oo  Tualek Oo
    สมาชิก

    Tualek Oo
    Sep 03, 2018 at 10:30 AM

    ปกติโดยนิสัยแล้วเราเป็นคนคิดมากคิดไม่ตกอยู่แล้ว เป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่นจะพูดอะไรจะทำอะไรก็เป็นกังวลไปหมดว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร จนกลายเป็นคนที่กลัวจะเป็นคนที่ไม่ดีในสายตาคนอื่น และก็เวลาทำอะไรก็จะคิดว่าสิ่งที่เราทำต้องดีในสายตาคนรอบข้าง

     เริ่มรู้สึกตัวเองว่าน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าก็หลังแต่งงานค่ะ ดิฉันแต่งงานมาเกือบ 4 ปี มีลูก 2 คน ช่วยแรกร้องไห้บ่อยก็คิดว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนตอนท้องและหลังคลอด ที่ร้องไห้บ่อยก็เพราะว่าโดนสามีด่าบ่อยๆ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขาไปเสียหมด ตอนนั้นเราไม่ทำงานอยู่บ้านอย่างเดียว แต่พอคลอดลูกคนแรกเสร็จ ลูกอายุ 3เดือนเราก็ได้งานทำเป็นครูอัตราจ้าง ชีวิตก็เริ่มดีขึ้น หาเงินใช้ได้เองแต่ก็มีปัญหากันบ้างกับสามีเพราะเราทำงานบ้านไม่ค่อยทัน หลังจากนั้นสักพักเราก็สอบบรรจุ ด้วยความที่เราตั้งใจอ่านหนังสือทุมเทมาก แต่เราสอบไม่ผ่าน บวกกับเพื่อนที่เราไปสอบพร้อมกันสอบผ่าน มันเหมือนพายุพัดเข้ามาในใจเลยค่ะ เราผิดหวังมาก ด้วยคิดว่าตัวเองมีโอกาสผ่านเพราะมั่นใจมาก มันทำให้เราเหมือนคนบ้าเลยค่ะ เราร้องไห้หนักมาก เครียดเก็บกด เหมือนคนบ้าเลยค่ะ ปกติเป็นคนเข้มแข็งมากแต่จะมีเซ็นติทีปบ้างกับเรื่องความรัก แต่ก็พยายามคิดใหม่ว่าเรายังมีโอกาส ตั้งใจอ่านหนังสือใหม่ และเราก็สอบผ่านได้บรรจุเมื่อกลางปีที่แล้ว พร้อมกับข่าวดีมีลูกคนที่ 2 เราท้องลูกคนที่2 อารมณ์เราหงุดหงิดง่ายมากค่ะ บวกกับที่บ้านงานยุ่งมาก สามีทำงานหนักทั้งงานประจำและงานของที่บ้าน เข้าหงุดหงิดใส่เราบ่อย จากที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขาอยู่แล้วก็ยิ่งหนักขึ้น เราทะเลาะกันบ่อย ทั้งๆที่ท้องเราร้องไห้บ่อยมาก แต่ก็อดทน เราเหนื่อยท้องโต นอนก็ไม่ค่อยหลับ แต่ทุกคนในบ้านก็เหนื่อย และมันก็ผ่านมาได้ จนมาเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาเราลืมโทรสับไว้ที่โรงเรียนเราเลยเลยเน็ตกับไอแพดที่บ้านปรากฏว่ามันค้างเฟสของแฟนอยู่ก็เลยเข้าไปดูว่าเขาคุยกับใครบ้าง ก็ไปเห็นว่าเขาคุยกับแฟนเก่าที่เลิกกันไปก่อนที่จะแต่งงานกับเรา ตอนนั้นเขาเลือกเรา ก็คิดว่ามันจะจบเพราะผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเขาจะไม่เข้ามายุ่งกับครอบครัวเราแล้ว เราเลยไม่เคยแอะใจบวกกับเวลาเขา้าไปในเฟสก็ไม่เคยเห็นเขาคุยกัน หลังจากเห็นเราก็ตัดสินใจถามว่าทำไมถึงยังคุยกันอีก ยังรักกันอยู่หรอรึว่าอะไร เขาก็ตอบๆมา เราก็คิดว่าเขาจะเลิกคุยกัน แต่เขาก็ยังคุยกัน เราเลยตัดสินใจทักไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น เขาก็บอกว่าคุยกันเฉยๆไม่ได้คิดอะไรกันแล้ว แค่ดูแลกันปรึกษากันในฐานะเพื่อน เขาบอกว่าถ้าเขาจะแย่ผู้ชายคนนี้ไปจากเราเขาทำไปตั้งนานแล้ว เพราะหลังจากเราแต่งงานได้ไม่นานเขาก็กลับมาคุยกัน และก็คุยกันมาตลอด มีอะไรที่สามีเราไม่สบายใจก็จะไปคุยกับเขาตลอด มันทำให้เรารู้สึกแย่มากๆเลยค่ะ และเขาก็บอกว่าสามีเราขอเขาจดทะเบียนสมรสด้วยขอมาตลอด เราก็อึ้งมากเลยค่ะ ในขณะที่ระหว่างเรามีลูกด้วยกันแต่เขาไม่เคยคิดจะจดทะเบียนสมรสกับเราเลยเวลาคุยก็จะอ้างว่าเขาเป็นหนี้เยอะ เราอยากรู้นั้นนี้ก็ถามและคุยกับเขาจนวันก่อนสามีไปงานแต่งงานเพื่อนแล้วเราก็คุยเขาจนดึกเขาเลยบอกว่าจะโทรตามสามีให้เราด้วยความที่อยากรู้ว่าเวลาสามีเราคุยกับเขาจะคุยยังไงบ้างเลย ขอให้เขาประชุมสายให้ฟัง และสิ่งที่ได้ฟังก็ทำเราเจ็บสุดเลยค่ะ สามีเราขอเขาจดทะเบียนสมรสรบเหล้าเขาสุดๆ ตอนที่ได้ยินหน้าชาสตั้นสุดๆค่ะ แทบจะช๊อค เราบันทึกเสียงไว้ค่ะ แล้วก็บอกผู้หญิงคนนั้นว่าเราจะคยกับสามีเรื่องนี้เราอยากรู้ว่าสามีคิดยังไง แต่เขาไม่ยอมเขาจะเครียด้วยเลยประชุมสายกันสามคน สามีเราพอรู้ว่าเราฟังอยู่ด้วยก็โกรดมากแต่พี่เขาก็คุยๆจนสามีเย็นลงเราก็ชาๆพูดไรไม่ถูก แล้วสามีก็มาขอให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียอีกคนของเขา แค่คุยไม่ได้มีอะไรกัน ผู้หญิงคนนั้นก็ยอมเพราะเขาเองก็ไม่มีใคร ทุกคนโเคมีแต่เราที่เหลือแผลไว้ในใจร้องไห้ตลอด แต่ก็พยายามดึงสติทำตัวเองให้ดีขึ้นพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่ได้ยิน แต่เสียงมันดังอยู่ในหัวตลอด ไม่ว่าเวลาไหนทำอะไรคำพูของเขาทั้งสองคนก็ดังอยู่ตลอดทุกเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าให้ฟังก็ยังจำได้ทุกคำทุกเรื่อง และพาลโกรดเสียใจจนอยากไปจากตรงนี้ เกลียดสามีมาก แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองและก็ยังอยากให้เขาดีกับเรา

     

     สวัสดีะคุณ Tualek Oo

    เรื่องของครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนค่ะ การที่คนสองคนจะอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ต้องอาศัยความเข้าใจความอดทนค่ะ 

    ตอนนี้ปัญหาอาจจะมีทั้งตัวคุณเอง สามี ผู้หญิงอีกคน และลูกอีกสองคนที่ทำให้การตัดสินใจมีความยากลำบากค่ะ 

    ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ค่ะ และควรจะได้รับการแก้ไขไปในทางที่ทุกๆ ฝ่ายเห็นว่าดีต่อส่วนรวมค่ะ ซึ่งตอนนี้ที่ต้องคิดถึงมากที่สุดคือ เรื่องของเด็กค่ะ หรือ ลูกของคุณค่ะ แต่หมอก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทนกับสิ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุขนะค่ะ 

    ความรักความเข้าใจในครอบครัวเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเพื่อให้ลูก ๆ มีการเจริญเติบโตของจิตใจให้ไปในทางที่ควรจะเป็นค่ะ ไม่ง่ายที่จะทำให้เกิดได้ค่ะ แต่ก็ไม่ยากเกินไปค่ะ

    ถ้าคุณตัดสินใจที่จะแยกกับสามีต้องตกลงเรื่องการเลี้ยงดูบุตรให้ดีค่ะ และใครจะเป็นคนรับผิดชอบ และสัดส่วนการอยู่กับพ่อแม่ ค่าเลี้ยงดูค่ะ

    หมออยาจะให้คุณมีความสุข และทุก ๆคนในครอบครัวมีความสุขค่ะ การพูดคุยปรึกษากันเป็นเรื่องที่จำเป็น

    ในปัจจุบันสามารถที่จะเข้ารับการบำบัดในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่สมรส หรือ การที่ต้องการที่จะแยกกันค่ะ แต่ต้องให้ได้รับการช่วยเหลือก่อนนะค่ะ ถ้าไม่ไหวค่อยจะแยกกันก็ไม่ผิดค่ะ เพราะบางครั้งคนเราอาจจะแยกกันไปโดยที่ไม่ได้พยายามปรับความเข้าใจกันเลย 

    ควรจะพยายามปรับตัวแก้ปัญหาก่อนค่ะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ค่อยๆ แยกกันและมีการตกลงกันให้ดีในการดูแลบุตรค่ะ