ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมา 12 ก.พ. มีเพศสัมพันธ์ 22-23 ก.พ. ใส่ถุงยาง แต่มีน้ำใสๆ ติดอยู่ที่อวัยวะเพศหญิง จะท้องไหม

  •  knnnng
    สมาชิก
    มีเพศสัมพันกับแฟนหลังจากหมดประจำเดือน 4 วันใส่ถุงยางอนามัยแต่พอดูมีน้ำใสๆเมือกๆติดอยู่ค่ะ เราเป็นประจำเดือนวันที่ 12 ปจด.หมดวันที่ 18-19 และมีเพศสัมพันกับแฟนในวันที่ 22-23 ค่ะ ใส่ถุงยางทุกรอบ ในวันที่ 22 มีเพศสัมพันตอนกลางคืน วันที่ 23 มีเพศสัมพันในตอนกลางวัน แต่วันที่ 23 ก่อนที่จะใส่ถุงยางเราเอาของแฟนมาถูของเราก่อน พอใส่ถุงยางแล้วก็มีการสอดใส่ แต่หลังเสร็จกิจกรรมพบว่ามีน้ำใสๆเมือกๆ มีฟองด้วย ยืดติดอยู่ตรงแคมและขาหนีบของเรา ลองเอาถุงยางใส่น้ำดูแล้วพบว่าไม่มีการรั่วซึมใดๆ อยากทราบว่าน้ำที่ติดอยู่คือน้ำอะไรคะ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.เราได้มีการตรวจครรภ์ โดยใช้ฉี่แรกของวัน ผลขึ้นขีดเดียว ซึ่งถ้านับจากวันที่ 24 เป็นเวลา 11 วันแล้วหลังมีเพศสัมพัน แบบนี้คือไม่ท้องใช่มั้ยคะ? แล้วตอนนี้มีอาการตกขาว กินอาหารมากขึ้น บางทีก็เจ็บหัวนม เหมือนประจำเดือนจะมาแต่ก็ไม่มา บวกกับตอนนี้เราเครียดมากมาหลายวันแล้ว กลัวประจำเดือนจะเลื่อนค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ knnnng,

                            หากประจำเดือนมาวันที่ 12 ก.พ. แล้วได้มีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 22-23 ถือว่าเลยระยะปลอดภัยไปแล้ว โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นมีได้ แต่หากได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็มีน้อย และหากได้ทดสอบโดยการใส่น้ำในถุงยาง แล้วไม่มีการรั่วซึม ก็ถือว่าไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินไป ส่วนน้ำใสๆ เมือกๆ มีฟองที่ติดบริเวณแคมและขาหนีบ ก็น่าจะเป็นน้ำหล่อลื่ของฝ่ายหญิง และอาจมีตกขาวปนอยู่ค่ะ

                           สำหรับการตรวจหาการตั้งครรภ์ในวันที่ 6 มี.ค. ถือว่าเร็วไป ผลอาจไม่แน่นอนได้ แนะนำควรลองตรวจซ้ำดูอีกครั้งเมื่อครบ 14 วันค่ะ คือในวันที่ 9 มี.ค.

                           ส่วนอาการตกขาว ทานอาหารมากขึ้น เจ็บหัวนม ก็น่าจะเป็นอาการก่อนการมีประจำเดือนมาได้ ดังนั้น ก็ควรรอประจำเดือนต่อไปก่อนค่ะ และหากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์ในวันที่ 9 มี.ค. ซ้ำแล้ว ยังพบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แดสงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ