ถามแพทย์

  • อายุ 20 ปี มีอาการปวดหัวเข่าและขา ไปหาหมอมาหลายครั้ง ได้ทั้งยากินและยาฉีด อาการไม่ดีขึ้น ควรทำอย่างไร

  •  Arisara Pum
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ หนูอายุ20ปีค่ะ ปีที่แล้วมีอาการปวดขา คัน แสบร้อนขา ได้ไปพบแพทย์และได้ฉีดยามาหลายครั้ง และได้กินยาคลายกล้ามเนื้อมาตลอกเฉพาะเวลาที่มีอาการ เดือนธันวาที่ผ่านมามีอาการปวดหัวเข่ารามไปทั่วทั้งขา ปวดมากค่ะเหมือนจะล้มทั้งยืนเลย และเวลายกขาจะมีเสียงแฟบๆที่หัวเข่าและคันมากค่ะ กลัวเป็นเก๊า เลยไปพบแพทย์อีกครั้ง แพทย์ก็งงว่าทำไมถึงเป็นเพราะอายุยังน้อย แพทย์เลยระบุสาเหตุไว้ว่ากล้ามเนื้ออักเสบค่ะ ให้ประคบเย็นและให้เปลี่ยนรองเท้าใส่ และได้ให้ยาคลายกล้ามเนื้อยาแก้ปวดและยานวดมาค่ะ มีแต่คนถามว่าอายุยังน้อยทำไม่ถึงเป็น คือหนูอยากรู้สาเหตุ และวิธีรักษาค่ะ
    Arisara Pum  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Arisara Pum

    อาการปวดหัวเข่าอาจเกิดจาก

    -ข้อเข่าอักเสบเฉียบพลันจากการยกของหนักหรือการลงน้ำหนักมาก

    -ข้อเข่าหรือเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบข้อเข่ามีการเคลื่อนหลังเกิดอุบัติเหตุ

    -ข้อเข่าเสื่อม ซึ่งไม่ค่อยเกิดในคนอายุน้อย

    -ข้อเข่าติดเชื้อ อาจมีข้อปวด บวม แดง ร้อน มีไข้

    แนะนำพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดบริเวณข้อเข่าให้ได้การวินิจฉัยที่แน่นอนค่ะ สาเหตุในคนอายุน้อยอาจเกิดได้กรณีมีอุบัติเหตุนำมาก่อน หรือข้อเข่าผิดรูปอยู่เดิม ทำให้ลงน้ำหนักในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งซ้ำๆ

    การดูแลตัวเองเบื้องต้น ควรหลีกเลี่ยงการนั่งยองๆ การขึ้นบันไดหลายๆชั้น หรือการลุกนั่งบ่อยๆ รับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และที่สำคัญหากมีน้ำหนักเกินควรลดน้ำหนักด้วย เพราะการที่น้ำหนักมากจะทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้เร็วขึ้น ควรใส่รองเท้าที่รับกับอุ้งเท้าได้ดี หรือพวกรองเท้าสุขภาพก็จะช่วยเรื่องการเดินไม่ให้ลงน้ำหนักผิดจุด ซึ่งอาจทำให้อาการปวดเป็นมากขึ้นได้