ถามแพทย์

  • ปวดตามา 2 สัปดาห์ ไปหาหมอแล้วบอกปกติดี เกิดจากสาเหตุอะไร

  •  Sorrawich Kanchanangkoonphan
    สมาชิก
    คือผมมีอาการปวดตามาสองอาทิตแล้วครับ ตอนแรกๆปวดตาขวา พักหลังมานี้ปวดตาซ้าย เเต่เมื่อวานผมไปหาหมอมาแล้วหมอบอกทุกอย่างปกติดี กระจกตา ความดันตาทุกอย่างปกติครับ อยากจะสอบถามว่า สาเหตุเกิดจากอะไร แล้วอะไรทำให้หาย แล้วจะหายขาดเหมือนที่ผ่านมามั้ยครับ หมอบอกว่าอาจจะเป็นจากความเครียดความเครียดก็มีส่วน แต่ผมอยากรู้สาเหตุอื่นด้วย รบกวนคุณหมอช่วยทำให้กระจ่างทีครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Sorrawich Kanchanangkoonphan,

                         อาการปวดตานั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

                        - เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย คือ เยื่อบุตาบวมแดง  มีขี้ตามาก น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ เป็นต้น

                        - ตากุ้งยิง แต่จะเห็นตุ่มนูนบวมเล็ก ๆ คล้ายสิว ที่เปลือกตาร่วมด้วย และมีเปลือกตาบวม แดง เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล มีขี้ตามาก

                         - อาการตาล้า จากการใช้สายตามากไป

                         - ตาแห้ง จากการใช้สายตาจ้องมือถือหรือโทรศัพท์เป็นเวลานาน ร่างกายขาดน้ำ อากาศแห้ง โดนลมมากไป เป็นต้น

                         - สิ่งแปลกปลอมเข้าตา 

                         - กระจกตาเป็นแผล จากอุบัติเหตุ เช่น ไม้ทิ่มตา หรือจากการใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป หรือกระจกตาติดเชื้อโรคเริม

                         -  ต้อหิน หากเป็นต้อหินเฉียบพลัน จะมีอาการปวดตา ปวดหัว ตาแดง น้ำตาไหล ตามัว มองเห็นเป็นสีรุ้งรอบดวงไฟ  

     

                         - สายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตาเอียง แล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ใส่แว่นสายตา

                         - มีเนื้องอกหรือมะเร็งของลูกตา แต่พบได้น้อยมาก 

     

                          นอกจากนี้แล้ว อาจไม่ได้เกิดจากปัญหาที่ลูกตา แต่เป็นอาการที่พบร่วมจากการเป็นโรคอื่นๆ เช่น จากโรคไซนัส เนื่องจากไซนัสอาจทำให้เกิดแรงกดด้านหลังลูกตา จนเกิดอาการปวดตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้างได้ มีฟันผุเหงือกอักเสบอยู่ และทำให้ปวดร้าวมาที่เบ้าตา โรคปวดศีรษะไมเกรน หรือปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ โรคภูมิแพ้ ไข้หวัด เป็นต้น

                         หากได้ไปพบแพทย์เฉพาะทางจักษุแล้ว ไม่พบความผิดปกติของลูกตา ก็ไม่น่าเกิดจากปัญหาของดวงตา แต่อาจเกิดจากโรคอื่นๆ ดังกล่าวไปได้ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น ควรงดการใช้สายตาทำงานมากไป งดการจ้องโทรศัพท์มือถือหรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ ไม่มองแสงจ้า ควรใส่แว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดด และควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เป็นต้น หากอาการปวดยังไม่หายไป หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ คัดจมูก เป็นต้น ก็ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจต่อค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Sorrawich Kanchanangkoonphan,

                         อาการปวดตานั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

                        - เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย คือ เยื่อบุตาบวมแดง  มีขี้ตามาก น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ เป็นต้น

                        - ตากุ้งยิง แต่จะเห็นตุ่มนูนบวมเล็ก ๆ คล้ายสิว ที่เปลือกตาร่วมด้วย และมีเปลือกตาบวม แดง เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล มีขี้ตามาก

                         - อาการตาล้า จากการใช้สายตามากไป

                         - ตาแห้ง จากการใช้สายตาจ้องมือถือหรือโทรศัพท์เป็นเวลานาน ร่างกายขาดน้ำ อากาศแห้ง โดนลมมากไป เป็นต้น

                         - สิ่งแปลกปลอมเข้าตา 

                         - กระจกตาเป็นแผล จากอุบัติเหตุ เช่น ไม้ทิ่มตา หรือจากการใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป หรือกระจกตาติดเชื้อโรคเริม

                         -  ต้อหิน หากเป็นต้อหินเฉียบพลัน จะมีอาการปวดตา ปวดหัว ตาแดง น้ำตาไหล ตามัว มองเห็นเป็นสีรุ้งรอบดวงไฟ  

     

                         - สายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตาเอียง แล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ใส่แว่นสายตา

                         - มีเนื้องอกหรือมะเร็งของลูกตา แต่พบได้น้อยมาก 

     

                          นอกจากนี้แล้ว อาจไม่ได้เกิดจากปัญหาที่ลูกตา แต่เป็นอาการที่พบร่วมจากการเป็นโรคอื่นๆ เช่น จากโรคไซนัส เนื่องจากไซนัสอาจทำให้เกิดแรงกดด้านหลังลูกตา จนเกิดอาการปวดตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้างได้ มีฟันผุเหงือกอักเสบอยู่ และทำให้ปวดร้าวมาที่เบ้าตา โรคปวดศีรษะไมเกรน หรือปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ โรคภูมิแพ้ ไข้หวัด เป็นต้น

                         หากได้ไปพบแพทย์เฉพาะทางจักษุแล้ว ไม่พบความผิดปกติของลูกตา ก็ไม่น่าเกิดจากปัญหาของดวงตา แต่อาจเกิดจากโรคอื่นๆ ดังกล่าวไปได้ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น ควรงดการใช้สายตาทำงานมากไป งดการจ้องโทรศัพท์มือถือหรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ ไม่มองแสงจ้า ควรใส่แว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดด และควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เป็นต้น หากอาการปวดยังไม่หายไป หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ คัดจมูก เป็นต้น ก็ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจต่อค่ะ